นครโฮจิมินห์ หรือ เมืองไซง่อนในอดีต ตั้งอยู่ที่ประเทศเวียดนามมีความเป็นเมืองที่เจริญ แต่ยังคงร่องรอยทางประวัติศาสตร์ทั้งจากสมัยยุคอาณานิคมและสมัยสงครามเวียดนาม และยังรักษากลิ่นอายความเป็นอยู่ที่เป็นเอกลักษณ์ของเวียดนามไว้ หากได้มาเยือนเมืองนี้ มี 6 สิ่งต้องลอง! ที่คุณจะได้สัมผัสเมืองโฮจิมินห์ครบทุกอารมณ์
1. ลองลอดอุโมงค์ใต้ดินที่อุโมงค์กู่จี
ที่อุโมงค์กู่จี คุณจะทึ่งกับวิธีการหลบซ่อนตัวของกองกำลังเวียดกง และทหารเวียดนามเหนือ ในสมัยสงครามเวียดนาม ทหารเหล่านี้ใช้ชีวิตอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินที่มีความยาวกว่า 200 กม. เป็นเดือนๆ ในป่านอกตัวเมืองโฮจิมินห์ เพื่อหลบซ่อนตัวและซุ่มโจมตีทหารอเมริกัน
เมื่อมาถึงที่นี่ คุณไม่ต้องห่วงว่าจะหลงป่า เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยนำทางและอธิบายวิธีการสร้างอุโมงค์ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในนั้น ความชาญฉลาดในการประยุกต์เอาอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายศัตรูมาใช้ใหม่ รวมถึงการทำงานของกับดักจับศัตรูตามจุดต่างๆ
แต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น หรือการได้สัมผัสจริง หากคุณไม่กลัวที่แคบหรือความมืดและมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ลองลอดอุโมงค์ใต้ดินนี้และสัมผัสถึงความยากลำบากในการใช้ชีวิตอยู่ใต้ดินที่ทั้งมืดและแคบของทหารเวียดนามในสมัยนั้นเก็บเป็นประสบการณ์หนึ่งในเวียดนาม
การเดินทาง: อุโมงค์กู่จีอยู่ห่างจากเมืองโฮจิมินห์ประมาณ 40 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. สามารถซื้อทัวร์จากย่านฟาม งู เหลา หรือ บุย เวน หรือหากต้องการไปเองสามารถนั่งแท็กซี่หรือเช่ารถพร้อมคนขับได้
2. ลองส่งโปสการ์ดกลับไทยที่ไปรษณีย์กลาง
หากคุณต้องการชื่นชมผลงานของกุสตาฟ ไอเฟล ผู้ออกแบบหอไอเฟลและเทพีเสรีภาพ คุณไม่ต้องไปไกลถึงปารีสหรือนิวยอร์ก เพราะที่เมืองโฮจิมินห์มีสถาปัตยกรรมที่ออกแบบโดยสถาปนิกคนนี้เช่นกัน นั่นก็คือ ตึกไปรษณีย์กลาง เป็นตึกสไตล์ฝรั่งเศสที่สร้างขึ้นในสมัยเวียดนามอยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส
ภายในอาคารมีการประดับภาพแผนที่ทะเลโบราณและภาพลุงโฮ (โฮจิมินห์ อดีตประธานาธิบดีเวียดนามเหนือ) ส่วนของเพดานมีลักษณะโค้งเว้า คล้ายสถานีรถไฟสไตล์ยุโรป (หรือหัวลำโพงบ้านเรา) ทางเข้าด้านหน้ามีโซนขายของที่ระลึก โปสการ์ดและแสตมป์
ที่สำคัญไปรษณีย์กลางแห่งนี้ ยังคงให้บริการทางไปรษณีย์ตามปกติ คุณสามารถส่งโปสการ์ดกลับไทยหาเพื่อนๆ หรือส่งให้ตัวเองก็ได้ ตรงกันข้ามกับไปรษณีย์กลาง เป็นที่ตั้งของโบสถ์นอทเธอดาม โบสถ์คาทอลิกที่มีความงดงามด้านสถาปัตยกรรมอีกแห่งในเมือง
การเดินทาง: สามารถเดินจากทำเนียบอดีตประธานาธิบดีประมาณ 500 ม. โดยเดินผ่านสวนสาธารณะหน้าทำเนียบไปยังโบสถ์นอทเธอดาม แล้วเดินอ้อมโบสถ์ไป ตึกไปรษณีย์กลางจะอยู่ตรงข้ามโบสถ์อีกด้าน หรือเลือกนั่งแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ หรือไซโคล่
3. ลองชมการแสดงละครหุ่นกระบอกน้ำ
ละครหุ่นกระบอกน้ำ เป็นการแสดงที่สร้างความฉงนสงสัยเกี่ยวกับวิธีการเชิดหุ่นให้กับผู้ชมไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเหล่าหุ่นกระบอกน้ำเคลือบแล๊กเกอร์จะถูกเชิดบนเวทีผืนน้ำสี่เหลี่ยม โดยมีนักดนตรีที่ทั้งเล่นดนตรีและพากย์สดไปด้วยนั่งอยู่ด้านข้างของเวที และมีฉากหลังกั้นไม่ให้ผู้ชมได้เห็นความลับของการเชิด การแสดงละครหุ่นกระบอกน้ำนี้มีมานานนับพันปี โดยเนื้อหาการแสดงจะสะท้อนให้เห็นถึงประเพณี วัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวเวียดนามที่ผูกพันกับการเกษตร และตำนานต่างๆ อีกด้วย
ในอดีตคณะหุ่นละครจะเชิดหุ่นกระบอกน้ำตามท้องนาที่มีน้ำขัง แต่ปัจจุบันจัดแสดงในโรงละครที่ครบครันด้านแสงสี ในเมืองโฮจิมินห์มีโรงละคร Golden Dragon Water Puppet Theatre ที่จัดแสดงละครหุ่นกระบอกน้ำ เป็นอีกอารมณ์หนึ่งของเวียดนามที่คุณควรสัมผัส เพราะถึงแม้การแสดงจะพากย์ในภาษาเวียดนามก็ตาม แต่ด้วยน้ำเสียงของผู้พากย์และเรื่องราวที่แสดงทำให้เข้าใจและตามเนื้อเรื่องได้ง่าย นอกจากนั้น การแสดงยังมีแทรกอารมณ์ขันในบางฉากอีกด้วย
การเดินทาง: โรงละครอยู่ด้านหลังทำเนียบอดีตประธานาธิบดี บนถนน Nguyen Thi Minh Kai
4. ลองนั่งชิลล์ดื่มกาแฟข้างถนนแบบคนเวียดนาม
แม้ว่าชาจะเป็นเครื่องดื่มคู่กับชาวเวียดนามมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ครั้นฝรั่งเศสเข้ามาเป็นเจ้าอาณานิคมและตั้งเวียดนามให้เป็นแหล่งเพาะปลูกกาแฟ การดื่มกาแฟจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวเวียดนาม
มนต์เสน่ห์ของการดื่มกาแฟที่เวียดนามไม่ได้อยู่ที่การได้นั่งจิบกาแฟสวยๆ หล่อๆ ในคอฟฟี่ช็อปหรูๆ เปิดแอร์เย็นๆ แต่เป็นการนั่งดื่มตามฟุตบาทบนเก้าอี้เตี้ยๆ กับโต๊ะตัวเล็กๆ ที่ตั้งหันหน้าเข้าถนน ซึ่งเปิดให้เราได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของเมืองพร้อมจิบกาแฟใส่นมข้นสูตรเวียดนาม
ร้านกาแฟเหล่านี้มักเต็มไปด้วยผู้คนตั้งแต่หนุ่มสาวออฟฟิศไปจนคนแก่คนเฒ่าที่มานั่งชิลล์ดื่มกาแฟทั้งตอนเช้า กลางวันและตอนค่ำ หาได้ไม่ยากตามฟุตบาทข้างถนน
5. ลองร่วมวงเตะขนไก่ตามสวนสาธารณะ
สิ่งหนึ่งที่น่าระรื่นใจเมื่อได้เยือนกรุงโฮจิมินห์ คือ สวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่เขียวขจี ที่เป็นทั้งสถานที่ผู้คนมาพักผ่อนหย่อนใจ แหล่งนัดรวมตัวของวัยรุ่น สถานที่สวีทของหนุ่มสาว และที่ออกกำลังกายของชาวเมือง ซึ่งจะคึกคักเป็นพิเศษในตอนเย็น เพราะมีทั้งเด็กนักเรียน ผู้ใหญ่ไปจนถึงคนชราที่ยังฟิตและเฟิร์ม ล้อมกันเป็นวงๆ เตะขนไก่กันตามสวนสาธารณะ เป็นกีฬายอดฮิตที่เวียดนาม คล้ายกับการเตะตะกร้อ เพียงแต่เปลี่ยนลูกตะกร้อเป็นลูกขนไก่ที่หัวทำจากยางและติดขนนกสี่ขน (ไม่เหมือนลูกขนไก่ที่ใช้เล่นแบตมินตันนะ)
การเตะลูกขนไก่นี้สามารถใช้ทุกส่วนของร่างกายได้ยกเว้นมือ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้คนจะใช้ขาเตะและหัวเดาะ แต่ละวงจะใหญ่น้อยกันไปตามจำนวนคนที่เล่น บ้างก็จับคู่ฝึกกันเตะ บ้างก็เป็นระดับเซียนเตะกันอย่างมันส์ หากเราใจกล้าก็สามารถเดินเข้าไปขอเล่นด้วย โชว์ฝีเท้าการเตะแบบไทยๆ ดู แต่หากใจไม่กล้าพอก็ยืนดูคนเขาเตะกันก็สนุกแล้ว
6. ลองข้ามถนนที่วงเวียนใหญ่หน้าตลาดบินถั่น
เวียดนามติดอันดับต้นๆ ของประเทศที่มีการขับขี่มอเตอร์ไซค์บนถนนมากที่สุดในโลก การเดินข้ามถนนจึงเป็นอะไรที่ท้าทายมากเพราะแม้บนถนนจะมีทางม้าลายไว้เดินข้าม แต่จะไม่มีสัญญาณไฟสำหรับคนข้ามถนน จำนวนมอเตอร์ไซค์บนถนนนั้นก็มีมากราวกับฝูงผึ้งเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น หากได้ลองเดินข้ามถนนตรงวงเวียนจะยิ่งเพิ่มระดับความท้าทายขึ้นไปอีก เพราะวงเวียนไม่มีสัญญาณไฟจราจร รถยนต์และมอเตอร์ไซค์จึงไหลผ่านไปเรื่อยๆ ต้องกะจังหวะดีๆ ในการข้าม และพกความมั่นใจและใจกล้าที่จะเดินข้ามไป ยังไงกฎจราจรประเทศเวียดนามกำหนดให้รถยนต์และมอเตอร์ไซค์ขับไม่เกิน 40 กม.ต่อชั่วโมงในตัวเมือง รถราจึงขับกันไม่เร็ว เมื่อเดินข้ามอาจต้องยกไม้ยกมือส่งสัญญาณให้ผู้ขับขี่ให้ทาง และค่อยๆเดินฝ่าฟันฝูงมอเตอร์ไซค์ไป
หรือทางที่ง่ายที่สุดคือ ข้ามถนนตามหลังคนเวียดนาม เพราะเค้าช่ำชองในเรื่องนี้อยู่แล้ว คุณอาจจะต้องทนโดนบีบแตรใส่หน่อยนะ เพราะประเทศนี้บีบแตรกันว่าเล่น วงเวียนที่ท้าทายที่สุดสำหรับการข้ามถนนคงไม่พ้นวงเวียนใหญ่ที่อยู่หน้าตลาดบินถั่น แลนด์มาร์กสำคัญของเมืองโฮจิมินห์ เป็นแหล่งขายของสารพัดตั้งแต่เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของที่ระลึก ชา กาแฟ อาหารสด ไปจนถึงดอกไม้สด