สวัสดีค่ะ ตอนที่แล้วเราพาไปเดินเล่นเพลินๆใน “เซบุ่ง อีเลบุ่ง” ขากลับได้ข่าวว่าดาวพฤหัสฯจะย้ายใหญ่ ราศีเราจะเฮง (ราศีสิงห์) จากนี้ถึงปลายปี จะมีอะไรดีๆเข้ามาในชีวิต มีโชคใหญ่ ด้านการเงิน และจะได้ “บุตรบริวาร” ถ้าให้ดีควรใส่ชุดสีเหลือง กับไหว้ผลไม้สีเหลือง พี่นี้ถอยชุดเตรียมรับดวงเฮงเลย สาธุให้ได้ลูกแฝดชายหญิงจะได้เหนื่อยทีเดียว อิอิ
วันนั้นได้สร้อยข้อมือจากผู้ชายด้วย ป.ล.เราไม่ได้ดำ แต่ผู้ชายขาวมากไปต่างหาก
หลังจากนั้นไม่กี่วัน ไม่ต้องถามนะว่าผลเป็นยังไง “ขึ้น 2 ขีดเลยหล่ะ v^^v” ไม่ใช่นำ้หนักจ้ะ “คือเรากำลังจะเป็นแม่” ที่สำคัญลูกฉันเป็นลูกครึ่ง (เพศอะไรก็ได้ เดี๋ยวโตขึ้นคงเลือกเอง 5555) พอรู้ผลตรวจครรภ์คุณสามีรีบพาไปโรงพยาบาล ดีใจจนเยอะไปนะบางที ห้ามทุกอย่างเลย
แต่ที่ห้ามเด็ดขาดคือ “ห้ามลงไปปลูกผัก 555” ผ่านมา 1 วันแล้วเราเริ่มตั้งสติได้ จะพยายามไม่หาเรื่องหนอน, งู, หมูป่า มีเวลานั่งคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ อยากรู้มั้ยว่า “เรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไง”
เราก็เป็นสาววัยทำงาน ที่ทำงานในกรุงเทพฯ ชีวิตก็เหมือนคนทั่วไป ทำงาน กิน เที่ยว ช้อป ก็ไม่มีอะไรมากมาย เราคิดว่าอายุเราก็น่าจะยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นนะ ก็ 26 ปี แต่ไม่นานก็ได้รู้จักกับแฟน (ชาวญี่ปุ่นอยู่เมืองฟุกุโอกะ) ระยะเวลาที่รู้จักกันจนแต่งงาน แค่ 4 เดือนเอง อิอิ เร็วมะ ก็เร็วนะ ก็เค้าขอมาก็แต่งๆไปนะ ก็ไม่คิดไรมากหรอก คือคิดว่าไม่อยากทำงานแล้ว อยากมีครอบครัว อยากเป็นแม่บ้าน หลังจากการแต่งงานก็ย้ายมาอยู่ญี่ปุ่นเลย
ถ้าให้นึกถึงประเทศญี่ปุ่นละก็ สำหรับเรานะคือเมืองแห่งเทคโนโลยี ทันสมัย และแฟชั่น ก็ดูๆจากทีวีแหละ เราเดินทางมาถึงประมาณเดือนมกราคม ช่วงหน้าหนาวพอดี ได้เจอหิมะเลยล่ะ แต่ด้วยความที่อยู่ทางใต้ หิมะก็มีอันน้อยนิดไม่ได้มากมายแต่หนาวจับใจ แฟนเราก็พาขับรถกลับบ้าน
ขับมาเรื่อยๆจนมองไม่เห็นความเป็นเมืองใหญ่ ยิ่งใกล้ถึงบ้าน ข้างทางก็เจอแต่ทุ่งนา ทุ่งนา และก็ทุ่งนา โอ้… ช่างไม่ต่างอะไรกับบ้านที่ต่างจังหวัดของเราเลย แอบรู้สึกผิดหวังนิดๆ แต่ก็ไม่เป็นไร เราเลือกมาแล้วนิ เมื่อมาถึงบ้าน บ้านแฟนก็เป็นบ้านโบราณ อายุเกือบจะ 200 ปีได้มั้ง แต่บ้านเราชอบมาก เราว่าสวยดี แต่รอบบ้านสิ ต้องปรับปรุงเยอะมาก รอบบ้านมีต้นไม้ใหญ่ ปกคลุมทำให้บ้านดูมืดทึบ จนวังเวง บวกกับอายุบ้านก็ดูน่ากลัวนิดนึง แต่เรากลับเฉยๆ ไม่ได้กลัว
การเข้ามาอยู่ที่นี่ก็ต้องปรับตัวเยอะมากทั้ง อากาศ ภาษา และวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านหลังนี้มี “แม่สามี” ที่จริงเราก็รู้มาก่อนแหละว่ามีแม่สามีด้วยแต่คิดว่าคงไม่เป็นไรหรอก (คิดแบบง่ายๆ เหมือนตอนจะแต่งงาน) แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนะสิ ต้องอธิบายมั๊ย ถ้าบอกว่า มันก็คือ “แม่ผัวกับลูกสะใภ้” โดยเฉพาะสะใภ้ต่างชาติด้วย ลืมบอกไป แม่แฟนเราป่วยเดินไม่ได้ต้องนั่งวีลแชร์ พูดไม่ค่อยชัดเหมือนลิ้นไก่แกสั้นลง บางคำก็ฟังรู้เรื่อง (แต่แปลไม่ออกอยู่ดีเพราะเป็นภาษาญี่ปุ่น 5555)
แต่แกความจำดีและก็พอช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง จะขี้วีนมากคืออะไรไม่ได้ดั่งใจและที่สำคัญแน่ๆคือ แกไม่ชอบเราแน่นอน และด้วยการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกันด้วย ทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ แต่เราก็พยามมากที่จะดูแลและทำความเข้าใจ ร้องไห้มาเยอะขอบอก ปรึกษาใครก็ไม่ได้ เพราะจริงๆแล้วคนรอบข้างเคยคัดค้านมามาก รวมทั้งแม่เราด้วย เพราะด้วยระยะเวลาต่างๆมันน้อยเกินไปไง กลายเป็นตอนนี้เราต้องแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว ไร้คนปรึกษา จนมีวันนึงซึ่งเกิดเหตุการณ์ที่แย่มากสำหรับเรา คือเราคิดว่าเราไม่ไหวแล้ว เราสู้ไม่ได้แล้ว
เป็นวันที่ญาติๆมาดูตัวเราแบบมีอาแฟนที่อยู่ใกล้บ้านแหละไปบอกว่า แฟนแต่งงานกับ ผู้หญิงอินเดีย หรือมาเลเซีย นี่แหละ คืออาไม่ถามว่าเรามาจากไหนไง แบบตัดสินจากหน้าตา คือเราเป็นคนใต้ไง แต่เราว่าหน้าเราก็ไม่ได้เหมือนแขกซะขนาดนั้นหรอกนะ กลับมาอยู่ในเหตุการณ์กันต่อ คือพอญาติๆมากันเยอะ วันนั้นเราก็ออกไปนั่งรับแขก แต่ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ญาติก็พูดประมาณว่า แม่แฟนโชคดีนะจะมีสะใภ้มาดูแล แล้วแม่ก็บอกไปว่า ตัวเราเป็นผู้หญิงไม่ดี เกลียด คือเราตกใจมากนะ ทุกคนเงียบไปหมด เราน้ำตาจะไหล แต่กลั้นไว้ ซึ่งแฟนเราก็หน้าเสียแต่ก็เปลี่ยนเรื่องพูด จนญาติๆกลับกันหมด
เราร้องไห้หนักมาก แล้วก็ขอเลิกกับแฟน ขอกลับไทย ตอนนั้นเริ่มมีเพื่อนคนไทยแถวบ้านคนนึงแล้ว เค้าก็เตือนสติเราเยอะนะ แต่บอกเลยว่าสถานการณ์ตอนนั้นเราแย่นะ เราพยามทำทุกอย่างมาก คือตอนแฟนไปทำงานอยู่กัน 2 คนก็โดนใช้ทั้งวัน พอแฟนมาแกก็จะไม่ใช้เรา ทำเองได้ทุกอย่าง เราก็บอกแฟนเรานะ แต่เหมือนจะไม่เชื่อเราเท่าไหร่ แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้แฟนเชื่อเราและปกป้องเรามากขึ้น
วันนึงแม่แฟนเราคงเบื่อเลยลุกขึ้นมา สักพักแกท้องเสีย แบบอั้นไม่อยู่อะ “ช็อคซีนิม่า สิคะท่านผู้อ่าน” คือเลอะพื้นเลอะตัวและเลอะวีลแชร์ เรานะยังไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย ส่วนแม่แกก็รักสะอาดก็ร้องโวยวายออกมา หันซ้ายหันขวามีกันอยู่ 2 คน มันก็ไม่มีทางเลือก มันก็ต้องทำอะ เหม็นก็เหม็น ในขณะที่กำลังทำความสะอาด อาผู้หญิงของแฟนก็มาพอดี มาเห็นเหตุการณ์นี้ มันก็เกิดความประทับใจขึ้นทั้งๆที่เราทำแบบ “ตรูไม่มีทางเลือกแถมนินทาในใจด้วยนะ อิอิ” แต่เหตุการณ์วันนั้นมันทำให้แม่แฟนเราเปลี่ยนไปเลย กลายมารักและเอ็นดูเรา รวมทั้งอาซึ่งเป็นคนที่ขยายความไปถึงญาติๆคนอื่นถึงคุณงามความดีอันนี้ เราเองก็คาดไม่ถึง ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เราได้ปิดตำนานแม่ผัวลูกสะใภ้ของบ้านเราไป เพราะตอนนี้เรารักกันมากขึ้น ระยะเวลาเกือบ 5 เดือนเลยทีเดียว เป็นยังไงบ้างคะมันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลยใช่มั้ย แต่เราภูมิใจนะที่เรามาถึงจุดนี้ได้ ขอบคุณทุกกำลังใจจริงๆค่ะ จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง อิอิ! ตอนต่อไปขอพาไปเที่ยวบ้างดีกว่า หรือจะเรียนภาษาก่อนดี ไว้ลุ้นกันพรุ่งนี้นะคะ แล้วเจอกันค่ะ
เรื่อง : หินตั้ง