เมื่อพูดถึง ประเทศโอมาน หลายคนคงนึกถึงชื่อ “นาธาน โอมาน” เข้ามาในหัวทันที 555+ ไม่แปลกเลยเพราะคนช่วงอายุ 30 อัพก็คงเคยได้ยินชื่อประเทศโอมานผ่านผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เข้าวงการบันเทิงใหม่ๆ เอาเป็นว่าเรามาทำความรู้จักประเทศโอมานกันคร่าวๆ ก่อนดีกว่าค่ะ
สถานที่ตั้ง ประเทศโอมาน ตั้งอยู่ทิศตะวันออกของทะเลอาหรับและอ่าวโอมาน ทิศเหนือติดกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทิศตะวันตกติดกับซาอุดิอาระเบีย ทิศใต้ติดกับเยเมน โอมานมีชายฝั่งติดทะเลยาวมากๆ หาดทรายอาจไม่สวยเท่าไทยแต่ความสงบและบรรยากาศในมุมที่แปลกตานี่ดึงดูดใจไม่น้อย
ศาสนา คนประเทศนี้เกือบทั้งหมดนับถือศาสนาอิสลาม แต่ไม่เคร่งครัดกับนักท่องเที่ยวว่าจะต้องแต่งกายและพันผ้าโพกศีรษะ (สำหรับผู้หญิง) นักท่องเที่ยวสามารถแต่งตัวได้ตามสบายแต่ควรแต่งกายมิดชิดหน่อยก็ดี
การเดินทางท่องเที่ยวในโอมาน เหมาะที่สุดคือการเช่ารถขับ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่จะอยู่ต่างเมือง มีรถทัวร์เหมาให้เช่าพร้อมคนขับแต่แพงมาก ตกวันละ 1 หมื่นบาท แต่เช่ารถขับเองประมาณ 1 พันบาท (แตกต่างกันอย่างชัดเจน ชิมิ)
สภาพอากาศ โอมานหน้าร้อน (เม.ย.-ต.ค.) จะร้อนมากถึง 40 กว่าองศา เรียกได้ว่าร้อนจนแทบจะละลาย ส่วนหน้าหนาว (พ.ย.-มี.ค.) อากาศจะอยู่ที่ 20 องศาต้นๆ เหมาะแก่การไปพักผ่อนท่ามกลางทะเลทรายที่สุด
ค่าเงิน หน่วยเงินของโอมานมี 2 หน่วย คือ Baiza (ไบซา) และ Rial (เรียล) 1,000 ไบซา เท่ากับ 1 เรียล (1 เรียล เท่ากับ 92 บาทไทย)
สายการบิน เที่ยวบินตรงที่จะพาคุณไปเที่ยวโอมานได้แบบสะดวก ได้แก่ แอร์เอเชีย, การบินไทย และโอมานแอร์ ราคาเริ่มต้นที่ 5,000 บาทขึ้นไป
ทำความรู้จักโอมานกันไปบ้างแล้ว ทีนี้เรามาดูกันว่า 6 ที่เที่ยวในโอมานแบบเด็ดๆ ที่ไปแล้วต้องอึ้งทึ่งในความสวยงามและแปลกตามีที่ไหน บรรยากาศเป็นอย่างไร ตามไปดูกันเลยค่ะ
1. Sultan Qaboos Grand Mosque (มัสยิดสุลต่านกาบูส)
มัสยิดสุลต่านกาบูส (Sultan Qaboos Grand Mosque) แห่งนี้ได้รับการการันตีว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรอาหรับ ภายนอกก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบมัสยิดอิสลาม มีลักษณะเป็นโดมตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมที่มั่นคง ยิ่งใหญ่ โอ่งโถง และสวยงาม โดยรอบปลูกต้นไม้ และดอกไม้ประดับอย่างรมรื่น ภายในโถงกลางมีพรมทอมือไร้รอยต่อ ลวดลายวิจิตรงดงามที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลก โดยใช้เวลาทอกว่า 4 ปี และแชนเดอเลีย (โคมไฟระย้า) ความสูง 14 เมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประดับอยู่กลางโถงละหมาด เชื่อว่าใครได้ก้าวเข้ามายังมัสยิดกาบูสแห่งนี้ต้องร้อง “หูววววววว” เพราะความยิ่งใหญ่อลังการล้านแปด และความสวยงามแบบนี้ที่หาที่ไหนได้ยากจริงๆ
ไปเที่ยวชมที่มัสยิดสุลต่านกาบูสต้องตื่นเช้าหน่อยนะคะ เพราะเปิดช่วงเช้าเท่านั้น หลังจากนั้นจะปิดเพื่อทำพิธีละหมาด ส่วนเรื่องการแต่งตัว ผู้หญิงจะต้องแต่งตัวมิดชิด ใส่กระโปรงยาวคลุมเท้า เสื้อแขนยาว คลุมผ้าโพกหัวให้เรียบร้อย หากไม่ได้เตรียมไปใส่ ที่มัสยิดมีบริการให้เช่าชุดอาบายะห์ (ชุดยาวสีดำล้วนของอิสลามของผู้หญิง) และชุดโต๊บ (ชุดยาวสีขาวแขนยาวของผู้ชาย) ในราคาชุดละ 5 เรียล หรือประมาณเกือบ 500 บาทไทย
[info-t””] เสาร์ – พฤหัส เวลา 8:00 – 11:00 น. (ปิดวันศุกร์)
[info-p””] ฟรี
2. Bimmah Sink Hole (บิมมาซิงก์โฮล)
หลุมน้ำบิมมาซิงก์โฮล (Bimmah Sinkhole) หรือ Dibab Sinkhole ตั้งอยู่ในสวน Hawiyat Najm Park ซึ่งอยู่ติดกับถนนที่เชื่อมต่อระหว่างเมือง Bimmah และเมือง Dibab นั่นเอง หลุมน้ำแห่งนี้เคยถูกเชื่อว่าเป็นหลุมที่ถูกอุกกาบาตตกลงมาทำให้เป็นหลุมกว้าง แต่นักวิทยาศาสตร์บอกว่าเกิดจากการที่แผ่นดินทรุดจนทำให้เกิดหลุม และพื้นที่นี้ใกล้กับทะเล จึงทำให้น้ำทะเลซึมเข้ามา แถมน้ำในหลุมนี้ยังมีสีเขียวใสสวยงาม มองลงมาจากปากหลุมดูอลังการแล้ว ลงมายิ่งฟิน เพราะคุณสามารถทำสปาปลา นั่งห้อยเท้าลงไปในน้ำเพื่อให้ปลามาตอดเท้า จั๊กกะจี้ดีนะ ^_^
ส่วนใครที่เตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนก็สามารถลงเล่นน้ำกันได้เย็นๆ ด้านล่างนี้บรรยากาศสวนทางกับด้านบนอย่างแรง เพราะในหลุมน้ำนี้ลมเย็น ลงเล่นน้ำยิ่งเย็นสบาย แอบเหลือบไปเห็นนักท่องเที่ยวพกที่นอนเป่าลมมานอนลอยเล่นในน้ำ โอ้ย อิจฉา! ไว้รอบหน้าไม่พลาดแน่
[info-t””] ตลอด 24 ชม. (ควรไปช่วงกลางวันดีกว่า)
[info-p””] ฟรี
3. Wadi Shab (วาดิชาบ)
วาดิชาบ (Wadi Shab) หรือ โอเอซิสวาดิ สถานที่เที่ยวตามธรรมชาติยอดฮิตอีกหนึ่งแห่งที่ไม่ไกลจากเมืองมัสกัต เดินทางด้วยรถประมาณ 2 ชั่วโมง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวขาลุย ชอบผจญภัย นึกภาพง่ายๆเหมือนเรากำลังเข้าไปสู่ป่ายุคจูราสิค มีหาดทราย โขดหิน หน้าผา ต้นอินทผลัม สายน้ำ และแสงแดด มีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปมากมาย
การเริ่มผจญภัยต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดใต้สะพาน แล้วนั่งเรือข้ามฟาก (ค่าข้ามเรือ 200 Baiza) ไปอีกฝั่งน้ำ จากนั้นต้องเดินเท้าเข้าไป ซึ่งจะค่อนข้างไกล ทางเดินเป็นหินกรวดจึงควรหารองเท้าที่รัดกุม ไม่เช่นนั้นอาจเจ็บเท้าได้ นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ส่วนใหญ่จะเตรียมตัวมากระโดดว่ายน้ำทะลุช่องเขา เข้าไปเล่นบริเวณน้ำตกที่อยู่ด้านใน การเตรียมผ้าขนหนูและเสื้อผ้าสำรองมาเปลี่ยนจึงเป็นสิ่งที่ห้ามพลาดเด็ดขาด
[info-t””] ตลอด 24 ชม. (ควรไปช่วงกลางวันดีกว่า)
[info-p””] ค่าเรือข้ามฟาก 200 Baiza/คน
4. Bahla Fort (ป้อมบาห์ลา)
ป้อมบาห์ลา (Bahla Fort) เป็นหนึ่งในป้อมปราการที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดของโอมาน ถูกสร้างเมื่อ 500 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นป้อมหนึ่งเดียวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1987 กำแพงป้อมแห่งนี้มีความยาวถึง 12 กิโลเมตร ลักษณะภายนอกมองปุ๊บก็รู้ว่าเป็นศิลปะแบบตะวันออกกลาง ก่อสร้างด้วยปูนและดินสีน้ำตาลอ่อน เข้ากับลักษณะภูมิประเทศแบบทะเลทราย ถูกบูรณะมาหลายครั้ง สมัยก่อนใช้เป็นปราการป้องกันศัตรูที่มารุกราน มีโซนสำหรับป้อมปืนใหญ่คอยระวังภัย ห้องเก็บเสบียง ห้องละหมาด ห้องประชุม และห้องสำหรับทำกิจกรรมต่างๆมากมาย แต่ที่เด่นที่สุดก็เห็นเป็นหอคอยลักษณะทรงกลมที่สูงเด่น นักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชมวิวเมืองนิซวาจากด้านบนได้ นับได้ว่าเป็นป้อมที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่ๆ มีคนแวะเวียนเข้าเยี่ยมชมเป็นอันดับต้นๆ จากบรรดาป้อมที่มีอยู่ทั่วโอมาน
การเดินทางจากมัสกัตประมาณ 2 ชั่วโมง มุ่งหน้าสู่เมือง Nizwa (นิซวา) แล้วมองหาป้ายเมือง Bahla ซึ่งการเที่ยวชมป้อมแห่งนี้สามารถเดินสำรวจได้ทุกซอกทุกมุม ไม่มีที่กำบังแดดมากนัก นอกจะเดินเข้าไปในตัวอาคาร เพราะฉะนั้นควรเตรียมหมวกและแว่นตากันแดดไปด้วยจะดีมาก
[info-t””] เสาร์-พฤหัส 08:30-16:00 น., ศุกร์ 08:00-11:00 น.
[info-p””] 500 Baiza/คน
5. Wahiba Sands (ทะเลทรายวาฮิบา)
ทะเลทรายวาฮิบา (Wahiba Sands) แหล่งท่องเที่ยวที่จะทำให้คุณได้เปิดประสบการณ์ในการท่องทะเลทรายที่สวยงาม นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวทะเลทรายแห่งนี้มักจะไปพักแคมป์ หรือโรงแรมกลางทะเลทรายนั่นเอง นอกจากนี้ทางแคมป์ก็จะมีอูฐให้ได้ขี่ชมทะเลทราย ถ่ายรูปบนเนินทราย เข้ากับบรรยากาศการใช้ชีวิตในทะเลทรายที่สุดแล้ว
การเดินทางไปยังทะเลทรายแห่งนี้ต้องใช้รถแบบ 4WD หรือรถขับเคลื่อน 4 ล้อนั่นเอง ซึ่งรถที่เราเช่าขับเที่ยวตามปกติแล้วจะเป็นรถเล็กปกติ แต่ถ้าไปพักยังแคมป์กลางทะเลทรายจะมีบริการมารับยังจุดบริการจอดฟรีเพื่อพาคุณเดินทางไปยังแคมป์กลางทะเลทรายได้อย่างสะดวก ไม่ต้องขับเอง ชมวิว ถ่ายรูปได้สบายด้วย
6. Sur (เมืองซู)
เมืองซู (Sur) เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ชายทะเลที่มีชื่อเสียงในเรื่องอู่ต่อเรือ (Dhow) แบบดั้งเดิม อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีประวัติการเดินเรือและการค้ามาอย่างยาวนาน สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศโอมาน เพราะนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้มาถ่ายรูป ชมวิวสวยๆของเมืองนี้แล้ว ก็ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองโอมานพากันมาปิกนิก เพลิดเพลินกับชายหาด ชมนกนางนวล และไฮไลท์การชมเต่าขึ้นมาทำรังในทุกๆปี เรียกได้ว่ามาที่นี่จะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่ไม่เคยได้พบเจอที่เมืองไทยกันได้แบบเต็มอิ่มทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวในโอมานอีกมากมายที่น่าตื่นตาตื่นใจ รอคอยให้ได้ไปสัมผัสกันในมุมมองที่แตกต่างไปจากที่เคยเจอ รับรองว่าใครไปโอมานจะต้องหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของภูมิประเทศ และความน่ารักของคนพื้นถิ่นที่มีน้ำใจ คอยต้อนรับช่วยเหลือนักท่องเที่ยวกันแบบอบอุ่นเลยทีเดียว
เรื่องและภาพ : @ipookpui DPlus Guide Team