เช่ารถขับต่างประเทศผ่านเว็บ Rentalcars
เดี๋ยวนี้การไปเที่ยวต่างประเทศเป็นเรื่องที่ไม่ยากแล้วสำหรับนักเดินทางที่เดินทางบ่อยๆ และการเช่ารถขับในทริประหว่างท่องเที่ยวก็เป็นตัวเลือกหนึ่ง ซึ่งจะทำให้การเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของประเทศนั้นๆ สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
บทความนี้จะขอแนะนำเว็บไซต์ Rentalcars.com เว็บที่เป็นศูนย์กลางการบริการเช่ารถจากค่ายดัง ไม่ว่าจะเป็น AVIS, Hertz, Europcar, Budget และอีกหลากหลายเจ้า ซึ่งมีบริการรถให้เช่าจากทั่วทุกมุมโลก
การจองรถผ่านเว็บไซต์ Rentalcars
การจองสามารถทำได้เพียงเข้าไปที่ www.rentalcars.com แล้วทำตามขั้นตอนดังนี้
1. เลือกระบุ ประเทศ, เมือง, สถานที่รับรถ, กำหนดวันรับและคืนรถ (ราคาเช่า 1 วันจะคิด 24 ชม. หากเลือกเวลาคืนรถเกินมาเป็น 24 ชม. 1 นาที ค่าเช่าจะถูกคิดเป็น 2 วันทันที)
2. คลิก “ค้นหา”
รายการรถที่พร้อมให้เช่าจะแสดงขึ้นมาให้เลือก ซึ่งบางครั้งอาจจะเห็นว่ารถรุ่นเดียวกันแต่ราคาอาจแตกต่างกันไป เนื่องจากมีความแตกต่างกันที่ออปชั่นเสริมของรถนั้นๆ เช่น GPS ที่รองรับหลากหลายภาษา, ผู้ขับสำรองไม่จำกัดจำนวน (หากไม่มีออปชั่นนี้ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มหากมีคนขับมากกว่าหนึ่งคน เพื่อความครอบคลุมในเรื่องประกัน), ค่าประกันที่ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก เป็นต้น
3. ต้องการจองรถคันไหนก็คลิก “จองทันที” เพื่อเข้าไปสู่หน้าการจองได้เลย
เมื่อเข้าสู่หน้าการจองแล้วทางเว็บจะมีให้เลือกเพื่อซื้อประกันความคุ้มครองเพิ่มเผื่อในยามฉุกเฉิน ราคาประกันความคุ้มครองแบบมาตรฐานจะอยู่ที่วันละประมาณ 1 พันบาท แต่ถ้าหากเช่ารถหลายวันราคาก็จะถูกลง (เคยเช่า 11 วัน ราคาประกันเฉลี่ยอยู่ที่ 300 บาท/วัน)
4. คลิก “ทำการจอง” ไปยังหน้า “ผู้ขับหลัก” เพื่อระบุผู้ขับขี่ จากนั้นไปที่หน้า”การชำระเงิน” เพื่อกรอกข้อมูลบัตรเครดิตที่จะทำการตัดเงินสำหรับค่าจองในครั้งนี้ และสุดท้ายที่หน้า “ยืนยัน” เพื่อตรวจสอบข้อมูลการจองทั้งหมดก่อนยืนยันอีกครั้ง หากทำครบทุกขั้นตอนแล้ว ระบบของเว็บจะทำการส่งอีเมลพร้อมส่ง Voucher (ใบสำคัญจ่าย) มาให้
ใบ Voucher ที่ทางเว็บไซต์ส่งมาให้ เราจะพรินต์เป็นกระดาษมาเก็บไว้ หรือบันทึกเป็นไฟล์ไว้ในมือถือก็ได้ วันไปรับรถเพียงแค่ยื่น Voucher นี้ให้ทางเคาน์เตอร์เช่ารถดู เพื่อดำเนินการรับรถได้
เอกสารในการรับรถเช่า Rentalcars
1. ใบ Voucher พรินต์ลงกระดาษ หรือเป็นไฟล์ในมือถือก็ได้
2. ใบขับขี่สากลของผู้ขับขี่หลัก และสำรอง
3. บัตรเครดิตที่มีชื่อของผู้ขับขี่หลัก ซึ่งต้องมีวงเงินเพียงพอในการรูดกันวงเงินค่าประกันความเสียหาย (จะได้วงเงินคืนหลังจากการคืนรถ)
ขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซต์ : Rentalcars.com
เรื่องและภาพ : @ipookpui DPlus Guide Team