การไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดที่ต้องเตรียมให้พร้อมนอกจากตั๋วเครื่องบินกับเงินไปเที่ยวไปช้อป ก็คือการเตรียมกระเป๋าเดินทางนั่นเองค่ะ เพราะการไปเที่ยวต่างประเทศนั้นหมายถึงเราต้องไปค้างคืนที่ต่างถิ่นถึงหลายวันหลายคืนด้วยกันจึงจำเป็นต้องเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้พร้อม
แต่ว่า! ในบรรดาของที่ต้องบรรจงแพ็กลงกระเป๋านี้ นอกจากเสื้อผ้าและอุปกรณ์การท่องเที่ยวที่จำเป็น อาจจะมีอีกหลายสิ่งเลยที่เราคาดไม่ถึงเลยว่าจะต้องใช้เมื่อไปถึงจุดหมาย! ของบางชิ้นเราไม่มีทางรู้ตัวว่าเราลืม จนกว่าจะถึงเวลาที่ต้องหยิบมาใช้เลยด้วยซ้ำ! …และมีหลายอย่างที่หาซื้อในต่างประเทศไม่ได้ซะด้วย!
สำหรับมือใหม่หัดเที่ยว กว่าจะรู้ว่าต้องใช้ก็เมื่อจบทริปนั้นแล้ว หรือแม้แต่กับนักท่องเที่ยวมือโปรก็เช่นกัน ต่อให้ท่องเที่ยวบ่อยขนาดไหนก็อาจมีลืมกันได้บ้าง (จริงๆ ยิ่งเที่ยวบ่อยนี่แหละ ยิ่งลืมของเบสิกๆ ได้ง่าย > <’)
งั้นเราจะทำยังไงดี???
ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ DPlus Guide ได้รวบรวม 7 สิ่งที่เราคิดว่านักเดินทางน่าจะเผลอหลงลืมบรรจุลงในกระเป๋าก่อนเดินทางบ่อยๆ เอาไว้แล้ว ไปดูแล้วทำเช็กลิสต์ตามเรากันเลย!
1. ยาหอมยาลมยาดมยาหม่อง และยาสามัญประจำบ้าน
ผู้เขียนเป็นคนติดยาดมมากกกก ชนิดที่ขาดไปไม่ได้เลย แต่ทำไมก็ไม่รู้ เวลาไปเที่ยวต่างประเทศทีไร ลืมพกไปทุกที > <’ ไม่เพียงแค่ยาดมเท่านั้นนะคะ ยาหม่องหรือยาอมให้ชุ่มคอแบบไทยๆ นี่ก็ลืมบ่อยมากกก เพราะเป็นของที่ไม่อยู่ในเช็กลิสต์ไปต่างประเทศเลยสักนิด ครั้นจะพกไว้ในกระเป๋าหรือในเสื้อผ้า ตอนเราไปเที่ยวก็ดันเปลี่ยนชุดเป็นชุดใหม่เอี่ยมอ่องเสียอีก เรียกได้ว่าต้องพกไปเอง เตือนตัวเองเท่านั้น ไม่งั้นลืมสถานเดียว!
แถมยาหอม ยาลม ยาดม ยาหม่องพวกนี้ก็ไม่มีขายในต่างประเทศเสียด้วย! รวมทั้งยาอมบางสูตรนี่ก็ไม่มีในต่างประเทศเหมือนกัน ไทยแลนด์โอนลี่ นอกประเทศหาซื้อไม่ได้ ไม่มีขายนาจา ต้องพกไปเองเท่านั้นค่ะ! #ร้องไห้หนักมาก
สำหรับยาสามัญประจำบ้านทั้งหลาย แก้ปวดท้อง ปวดหัว แมลงสัตว์กัดต่อย ฯลฯ ทั้งหลายนี้ เชื่อว่าหลายคนคงรู้อยู่แล้วว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรเอาไปเผื่อยามท่องเที่ยว เพราะหากเกิดบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยในต่างประเทศขึ้นมา นอกจากจะหาซื้อยาได้ยากเพราะปัญหาการสื่อสารคนละภาษากับคนต่างชาติ ค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลยังแพงกว่าที่ไทยมาก ทางที่ดีพกยาไปเพื่อใช้รักษาพยาบาลขั้นต้นไว้ก่อนดีกว่า
ถึงจะไม่เกิดเหตุเจ็บป่วยก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยก็พกไปให้อุ่นใจเนอะ ว่าแล้วก็เอาใส่กระเป๋าเลยดีกว่า ^^
2. แป้งเย็น แป้งเด็ก
นี่ก็เป็นอีกสิ่งที่หาได้ยากในต่างประเทศค่ะ เพราะเขาไม่ค่อยนิยมใช้กัน (ฮา) ส่วนใหญ่ในต่างประเทศจะแยกแป้งฝุ่นสำหรับแต่งหน้า กับแป้งเด็กเลยค่ะ แป้งทาตัวสำหรับใช้หลังอาบน้ำจะไม่ค่อยมี
หากใครใช้แป้งเด็กนี่ยังพอหาได้ง่ายหน่อยในแผนกผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก แต่แป้งเย็นนี่ในต่างประเทศหายากทีเดียว ใครติดทาแป้งหลังอาบน้ำต้องขนไปเองนะคะ
อ๊ะ แต่ใช้แค่พอประมาณ และพยายามอย่าสูดหายใจเข้าไปเยอะเกินไปนะคะ
3. หมอนรองคอ
บางครั้งแพ็กข้าวของจำเป็นสำหรับไปใช้ที่ต่างประเทศจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว แต่ดันลืมของใช้ที่จะใช้ตอนระหว่างเดินทางเสียได้! หมอนรองคอนี่ก็เป็นอุปกรณ์การท่องเที่ยวอีกชิ้นที่แสนจะมีประโยชน์ในยามเดินทาง ไม่ว่าจะนั่งเครื่องบิน หรือนั่งรถไฟ รถบัสระยะทางยาวๆ แล้วเราต้องการพักผ่อนคลายความเหนื่อยล้า มีหมอนคู่ใจให้นอนซบ ดี๊ดี
แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นของอีกชิ้นที่ผู้เขียนและเพื่อนๆ นักเดินทางท่องเที่ยวมักจะตายน้ำตื้นลืมเอาไปเที่ยวกัน หรือบางทีไม่ลืมเอาไป แต่ดันเผลอเอาใส่กระเป๋าเดินทางโหลดใต้ท้องเครื่องไปแล้ว ฟิ้ว~ แล้วทีนี้ระหว่างอยู่บนเครื่องจะเอาหมอนที่ไหนนอนล่ะเนี่ย ?
ทางที่ดีแนะนำให้เอาใส่กระเป๋าในเล็กที่เราจะหิ้วขึ้นเครื่อง หรือเมื่อเดินทางมาถึงสนามบินก็รีบเอาหมอนออกมาคล้องคอเอาไว้เลยก็ค่ะ จะได้ไม่เผลอโหลดใส่ใต้ท้องเครื่องไปซะก่อน
…แต่หากลืมไว้ที่บ้าน งานนี้ต้องทำใจอย่างเดียวแล้ว (แต่ยังหาซื้อแถวๆ สนามบินเอาได้นะ)
4. ร่ม เสื้อกันฝน
ร่มและเสื้อกันฝน ของเบสิกในชีวิตประจำวันที่ขาดไปไม่ได้สำหรับประเทศที่ฝนตกบ่อยๆ อย่างประเทศไทยเรา เมื่อไปถึงต่างประเทศก็ยังคงขาดไม่ได้เช่นกันค่ะ โดยเฉพาะสำหรับคนที่นิยมเที่ยวช่วงโลวซีซั่นเพื่อประหยัดงบ ในช่วงโลวซีซั่นมักตรงกับช่วงหน้าฝนของประเทศนั้นๆ เสมอไป (ยกเว้นบางประเทศที่ฝนตกแทบทั้งปีอยู่แล้ว) ร่มกับเสื้อกันฝนจึงเป็นสิ่งที่ห้ามลืมเลยค่ะ
แต่ว่า…เพราะเป็นสิ่งที่เราใช้กันในชีวิตประจำวันนั่นเอง บางครั้งเราอาจจะเผลอปล่อยให้มันนอนอยู่ในกระเป๋าใบโปรดของเรา ลืมย้ายมาที่กระเป๋าที่จะใช้เดินทางด้วยซะงั้น!? ไอ้หยา แบบนี้ไม่ดีนะ เอาใส่เช็กลิสต์กันดีกว่า ว่าต้องไม่ลืมร่มกับเสื้อกันฝนนะคะทุกคน~!
5. กระเป๋าย่อยใบเล็ก กระเป๋าช้อปปิ้ง กระเป๋าพับ
กระเป๋าย่อยใบเล็กน้อยสำคัญไฉน เพราะเป็นไอเท็มสำคัญสำหรับขาช้อป โดยเฉพาะขาช้อปที่มักหอบของฝาก ของเซล ของแบรนด์เนมจากต่างประเทศกลับมาไทยด้วย อย่างขาไปสัมภาระหนักไม่ถึง 20 กิโลฯ แต่ขากลับทะลุ 30+++ กิโลฯ อะไรทำนองนี้
ช้อปมาตั้งเยอะแล้วของมากมายขนาดนี้จะอัดลงกระเป๋าเดินทางใบเดิมได้อย่างไร? มันก็ได้แหละ แต่จัดยากจัดเย็น โดยเฉพาะเมื่อเราไปช้อปของมาเป็นถุงๆ จะให้หิ้วเป็นถุงกระดาษหรือถุงพลาสติกขึ้นเครื่องก็คงไม่งาม งั้นสู้เราพกกระเป๋าใบเล็กแบบพับได้ไปด้วยแต่แรกเลยดีกว่า ขาไปก็พับเก็บเป็นทรงแบนๆ เอาไว้ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ก่อนได้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้ ก็สามารถกางออกมาเป็นกระเป๋าไว้ใส่สัมภาระหรือของที่ช้อปมาอีกใบ จะเอาไปโหลดลงใต้ท้องเครื่องอีกใบ หรือจะเอาไว้หิ้วขึ้นเครื่องก็ได้ แถมถ้าไม่ได้ใช้ก็ไม่เป็นไร ก็พับเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางที่เดิมได้ สะดวกมั่ก
เพราะฉะนั้นต้องไม่ลืม! พับเก็บใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางได้เลย!
6. รางปลั๊ก หัวแปลง
สุดยอดของที่มักจะลืม! หัวแปลงไฟนี่ยังไม่เท่าไหร่ เพราะถ้าลืมก็ไปขอยืมฟรอนต์โรงแรม หรือหาซื้อตามตู้ขายอุปกรณ์ท่องเที่ยวในสนามบินได้ แต่รางปลั๊กนี่ถ้าลืมแล้วลืมเลย จบกัน
เจ้าหัวแปลงนี้คือหัวแปลกปลั๊กไฟฟ้าที่จะช่วยให้เราสามารถใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในต่างประเทศได้ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าแต่ละประเทศไม่เท่ากัน และหัวปลั๊กที่นิยมใช้ก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย การพกหัวแปลงติดกระเป๋าเวลาเดินทางไปต่างประเทศจึงเป็นเรื่องจำเป็นมากๆ โดยเฉพาะในสมัยนี้ ที่เราติดโซเชียลกันงอมแงม แถมยังต้องใช้อินเทอร์เน็ตเป็นตัวช่วยในการเดินทาง พอท่องเที่ยวเสร็จ กลับโรงแรม ถึงกับต้องชาร์จแบตฯ มือถือกันวันต่อวันเลย
สำหรับรางปลั๊ก ก็คืออุปกรณ์ต่อพ่วงปลั๊กที่จะทำให้เราสามารถชาร์จแบตฯ หรือใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าได้หลายๆ เครื่องในคราวเดียว (แถมสะดวกตรงที่ใช้หัวแปลงแค่อันเดียวคือตรงหัวปลั๊กของรางชาร์จด้วย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ต่อกับหัวแปลงแบบอันต่ออัน ประหยัดค่าหัวแปลงได้อีก) โดยเฉพาะเมื่อเราไปท่องเที่ยวกับเพื่อนเป็นกลุ่ม ปลั๊กตัวเมีย (รูเสียบปลั๊กเพื่อใช้ไฟ) ที่โรงแรมทำไว้ให้ในแต่ละห้องอาจจะไม่พอกับจำนวนคนและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีก็ได้ ทางที่ดี พกรางปลั๊กไปด้วยดีกว่า จะได้ไม่ต้องตบตีแย่งรูเสียบปลั๊กกัน
7. ข้อมูลการเดินทาง – หนังสือ
ข้อมูลการเดินทาง ใครว่าไม่จำเป็น ถึงจะศึกษามาอย่างดีตั้งแต่ก่อนเดินทางแล้ว แต่เมื่อไปถึงสถานการณ์จริง การเดินทางที่เราท่องจำได้ขึ้นใจ อาจถูกภาพความประทับใจของเมืองสวยๆ กลบจนหายไปหมดเลยก็ได้ (อ้าว!)
เพราะฉะนั้นจึงขอแนะนำว่าหลังจากหาข้อมูลแล้ว ให้ทำแพลนทริป (แผนการเดินทาง) เอาไว้ อย่างน้อยๆ ก็เอาไว้ใช้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ตม.ดูตอนจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้ด้วย (ให้เขารู้ว่าเรามาเที่ยวจริงๆ ไม่หนีไปไหนน้า) นอกจากจะมีแพลนทริปแล้ว เรายังควรพรินต์ข้อมูล “วิธีการเดินทาง” ไปยังสถานที่ต่างๆ ที่เราต้องการไปออกมาเก็บไว้ด้วย แม้สมัยนี้จะมีอินเทอร์เน็ตสำหรับเปิดดูข้อมูลระหว่างท่องเที่ยวแล้วก็จริง ในยามยากที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตอ่อนหรือแบตเตอร์รี่มือถือหมด หากเรายังมีข้อมูลการเดินทางที่เราพิมพ์มาติดตัวไว้ เราก็ยังเที่ยวต่อได้ ไม่เจื่อน ไม่หลง ไม่เสียเวลา ^^
นอกจากนี้การมีข้อมูลสถานที่ที่เราจะไปในมือ ยังช่วยให้เราใช้ถามทางได้อย่างอีกด้วย โดยเฉพาะข้อมูลสถานที่ที่มีภาพ ถึงจะสื่อสารภาษาท้องถิ่นไม่ได้ อย่างน้อยก็เปิดรูปแล้วชี้ให้คนที่นั่นดูได้ (ยิ่งมีชื่อสถานที่เป็นภาษาของที่นั่นยิ่งดีเลย) มีเอาไว้อุ่นใจกว่าแน่นอนค่ะ!
หรือหากไม่อยากหาข้อมูลเอง จะไปหาซื้อไกด์บุ๊กมาพกติดตัวก็ได้นะ
ช้อปหนังสือ “Japan First Time ญี่ปุ่นน่ะเรอะ? ใครๆ ก็ไปได้” ที่ : www.dplusshop.com/product/253/japan-first-time
เว็บท่องเที่ยวที่มีข้อมูลหลากหลาย Destination ที่สุด www.dplusguide.com
เรื่อง : naNutt DPlus Guide Team | ภาพประกอบ : ToobPro & DPlus Guide Team
