แหล่งน้ำบริสุทธิ์ที่สุดของญี่ปุ่น Shimanto ชิมันโต คือชื่อเมืองใหม่ที่ตั้งอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดโคจิ (Kochi pefecture) เกาะชิโกกุ เพิ่งถูกยกฐานะให้เป็นเมืองเมื่อปี ค.ศ. 2005 ที่ผ่านมา โดยได้ผนวกเอาเมือง Nakamura และหมู่บ้าน Nishitosa เข้าไปด้วยจึงทำให้มีพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่ทว่ากลับมีคนอาศัยอยู่น้อย (กระจายตัวกันอยู่ตามที่ราบลุ่มแม่น้ำและกระจุกตัวกันอยู่บริเวณปากแม่น้ำทางใต้) เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยหุบเขาสลับซับซ้อนและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ยากแก่การเข้าถึง ดังนั้นจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen ที่
คนไทยยังไม่มีการพูดถึงมากนัก แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับมีความพิเศษที่น่าค้นหาเป็นอย่างมาก ทั้งทัศนียภาพและวัฒนธรรมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว
แหล่งกำเนิดสายน้ำแห่งชีวิตนี้มาจากภูเขา Irazu ในเมือง Tsuno จังหวัดโคจิ ลำน้ำมีความลดเลี้ยวเคี้ยวคดยาว 100 กิโลเมตร เข้าสู่เมืองชิมันโตเมื่อรวมกับแม่น้ำ Ushirogawa จึงเกิดเป็นแม่น้ำชิมันโตขนาดใหญ่ผ่าใจกลางเมืองและไหลลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกในฝั่งใต้ ด้วยความที่ไม่มีเขื่อนตั้งอยู่ในพื้นที่จึงทำให้กระแสน้ำไม่ถูกรบกวนและไหลอย่างเป็นธรรมชาติ ระดับน้ำในแม่น้ำชิมันโตมีปริมาณสูงเกือบตลอดปี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วงรวมถึงช่วงที่ฝนตกหนักในหน้ามรสุมด้วย แต่ถึงแม้ว่าน้ำในแม่น้ำชิมันโตจะมีปริมาณสูง แต่แม่น้ำกลับมีความใส สะอาด เมื่อต้องกลับแสงแดดแล้วจะมองเห็นเป็นสีเขียวมรกต ยิ่งไหลผ่านบริเวณสันดอนทรายแม่น้ำที่มีขาวตัดกับสีของลำน้ำทำให้เกิดเป็นความงดงามที่น่าประทับใจ
ชิมันโตมีภูมิอากาศค่อนข้างร้อนชื้นในฤดูร้อน และมีฝนตกค่อนข้างหนักในช่วงเดือนมิถุนายน
ถึงกรกฎาคม และอีกทีในเดือนกันยายน ในฤดูหนาวมีอากาศหนาวเย็น มีหิมะตกบ้างแต่ไม่มาก (ประมาณ 2 ครั้งต่อปี) ส่วนฤดูใบไม้ผลินั้นบริเวณพื้นที่รอบๆ แม่น้ำชิมันโตที่เป็นพื้นที่ราบลุ่มน้ำจะเต็มไปด้วยทุ่งดอกเรฟซีดสีเหลืองอร่ามที่ชาวเมืองปลูก เพื่อนำไปสกัดเป็นน้ำมันและซากุระริมทางเป็นจุดๆ ส่วนจุดชมซากุระจุดใหญ่จะอยู่ตรงบริเวณบนเนินปราสาท Nakamura และในฤดูใบไม้ร่วงที่นี่จะเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีความงดงามและอลังการเนื่องจากเต็มไปด้วยป่าไม้และหุบเขา
แหล่งน้ำบริสุทธิ์ที่สุดของญี่ปุ่น Shimanto
[info-t] ตลอดเวลา
[info-d] จากเมือง Kochi นั่งรถไฟด่วนขบวน LTD.EXP SHIMANTO จากสถานี JR Kochi ไปลงสถานี Nakamura จากนั้นต่อแท็กซี่อีก 15 นาที หรือเช่าจักรยานจากหน้าสถานี Nakamura ปั่นไปประมาณ 25 นาที
[info-g] 33.011386, 132.873450
กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมายังชิมันโต คือการล่องเรือชมลำน้ำสายบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นเรือไม้ขนาดใหญ่มีหลังคา สามารถจุนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 20 คน สำหรับนักกิจกรรมมีจุดตั้งแคมป์ และจุดให้เช่าเรือแคนูพายด้วยตนเอง ตลอดระยะทางความยาวของแม่น้ำจะมีสะพานคั่นอยู่เป็นช่วงๆ โดยเฉพาะสะพานจิงกะ (Chinka bridge) ซึ่งลักษณะของสะพานจะคล้ายกับทางเดิน ซึ่งไม่ราวจับ เสาค้ำสะพานด้านล่างจะมีลักษณะเป็นซี่ๆ มีประโยชน์เพื่อชะลอเวลาน้ำหลาก และเมื่อปริมาณน้ำสูงมากสะพานก็จะจมอยู่ใต้น้ำ มีสะพานจิงกะพาดผ่านแม่น้ำชิมันโต ถึง 47 แห่ง กลายเป็นแลนด์มาร์กและเอกลักษณ์ของแม่น้ำชิมันโตไปโดยปริยาย
การเข้าถึงจุดท่องเที่ยวบริเวณแม่น้ำชิมันโต วิธีที่สะดวกที่สุดคือเช่ารถยนต์ขับเนื่องจากไม่มีรถบัสเข้าถึงหรือเรียกแท็กซี่จากบริเวณหน้าสถานี Nakamura ซึ่งวิธีนี้เราจะต้องทราบจุดที่จะลง ที่สำคัญควรนัดแนะกับคนขับแท็กซี่ให้มารับตามจุดและเวลาที่กำหนด หรืออีกวิธีคือ เช่าจักรยานจากร้านเช่าข้างสถานี Nakamura ในราคา 600 เยน/วัน การปั่นจักรยานมีข้อดีไม่ต่างจากการเช่ารถขับคือ สามารถเข้าถึงธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดปั่นชิลล์ๆ ชมโน่นนี่ไปได้เรื่อยๆ อยากแวะตรงจุดไหนก็ได้ตามสะดวก เหนื่อยก็พัก มีแรงก็ปั่นต่อ และบางช่วงก็มีทางสำหรับเดินสำรวจธรรมชาติระยะทางใกล้ๆ อีกด้วย
ปราสาท Nakamura ปราสาทนาคามูระ (Nakamura-jo) ถูกสร้างขึ้นโดยไดเมียว Ichijo Norifusa ขุนนางในยุค Muromachi ผู้ซึ่งหนีความวุ่นวายจากสงครามในเมืองเกียวโต มาตั้งถิ่นฐานยังแคว้นโทสะ (ชื่อของจังหวัดโคจิในขณะนั้น) โดยเป็นต้นตระกูลของ Tosa-Ichijo จนสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน หลังจากนั้นปราสาทถูกทำลายและทิ้งร้าง จนกระทั่งช่วงต้นของยุคเอโดะในปี ค.ศ. 1613 ปราสาทถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ แต่อีก 2 ปีถัดมากลับถูกรื้อถอนตามคำสั่งโชกุนโทกุงาวะ อิเอยะสุ ที่ว่าหนึ่งจังหวัดอนุญาตให้มีปราสาทเพียง 1 แห่ง ซึ่งก็คือปราสาทโคจินั่นเอง ส่วนปราสาทหลักที่ตั้งอยู่ปัจจุบันถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1965 ภายในจัดแสดงประวัติความเป็นมาของปราสาท และด้านนอกหอ donjon เป็นระเบียงสามารถชมวิวปากแม่น้ำชิมันโตและมหาสมุทรแปซิฟิกในมุมสูง สำหรับบริเวณใกล้ๆ กับทางเข้าปราสาทเป็นเนินชมวิวและเป็นจุดชมซากุระที่สวยงามของเมืองชิมันโตอีกด้วย
ปราสาท Nakamura
[info-g] 32.996942, 132.930700
ที่มาข้อมูลและภาพ : หนังสือ Unseen&Amazing Japan