วันนี้เราจะพาทุกคนมากันที่เมืองไถหนาน (Tainan) เมืองหลวงเก่าแก่ของไต้หวัน เมืองที่ยังมีกลิ่นไอของความเก่าแก่ และคลาสสิกชิคๆ คูลๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ยังคงเดินทางมาเที่ยวเมืองนี้น้อยกว่าเมืองใหญ่ๆ เมืองอื่นของไต้หวัน
ไถหนาน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของไต้หวันติดกับเมืองเกาสง (Kaohsiung) นอกจากจะเป็นเมืองหลวงเก่าของเกาะไต้หวันแล้วนั้น เค้าว่ากันว่า ไถหนานยังเป็นเมืองที่มีอาหารเยอะมากๆ ส่วนใหญ่ที่เราได้เจอกับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เที่ยวไต้หวันมานับครั้งไม่ถ้วน เค้าจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าอยากมาหาอะไรอร่อยๆ กิน ให้มาที่เมืองไถหนานซึ่งเราเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ว่าไถหนานควรค่าแก่การมาตะลุยกินอาหารแนวท้องถิ่นของไต้หวันมากๆ เลยล่ะ ไว้วันหลังเราจะพาทุกๆ คนไปตะลุยหาอะไรอร่อยๆ กินกันนะ เพราะวันนี้เราจะพาทุกๆ คนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ บอกไว้ก่อนเลยว่า ใครรักงานศิลปะ ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เพราะที่นี่คือ Chimei Museum (พิพิธภัณฑ์ฉีเหม่ย) ถ้าคุณมาเที่ยวเมืองไถหนาน แล้วไม่แวะมาที่นี่ เดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง ฮ่าฮ่า
Chimei Museum (พิพิธภัณฑ์ฉีเหม่ย) พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานศิลปะจากทั่วทุกมุมโลก โดยเน้นศิลปะแบบตะวันตกด้วยความชอบส่วนตัวของเจ้าของพิพิธภัณฑ์ ที่นอกจากงานศิลปะแล้วยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สะสมไวโอลินที่ใหญ่ที่สุดในโลก เครื่องดนตรีถึงขนาดใหญ่ติดอันดับโลกเชียวนะ ไหนจะมีศาสตราวุธต่างๆ ที่น่าสนใจมากๆ ชุดเกราะโบราณ ซากฟอลซิลของไดโนเสาร์และสัตว์สต๊าฟต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก ทั้งหมดนี้มีมากกว่า 4,000 ชิ้น ซึ่งเจ้าของคือ Shi Wen – long มหาเศรษฐีระดับโลก ผู้ก่อตั้งบริษัท Chi Mei Corporation
Chimei Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ของเอกชนที่มอบรายได้ให้เป็นขององค์กรการกุศลของเมืองไถหนาน ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1992 ตกแต่งแนวกรีกโบราณสไตล์ยุโรป ซึ่งถ้ามองผิวเผินจะคิดว่าเรากำลังเดินอยู่ที่ยุโรปเป็นแน่แท้ ไม่คิดว่าไต้หวันจะมีอะไรแบบนี้ด้วย อลังการตั้งแต่ทางเข้า เราเข้าทาง Museum Boulevard Entrance มีการปูพื้นเป็นอย่างดี มองไปไกลสุดลูกหูลูกตาจะเห็นตัวอาหารพิพิธภัณฑ์สไตล์ยุโรป ตั้งเด่นเป็นสง่า ที่ดึงดูดเราให้เดินเข้าไปหา ระหว่างทางปลูกต้นไม้เป็นแนวยาว และบริเวณโดยรอบพิพิธภัณฑ์จะเป็นสวนให้เรานั่งพักผ่อนหย่อนใจได้ ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่มากๆ บางคนมารอดูพระอาทิตย์ตกดินเบื้องหลังสวยๆ ที่สวนแห่งนี้ เดินจากหน้าทางเข้ามาหน่อยนึง จะเจอลานน้ำพุอพอลโล (Apollo Fountain Plaza) เค้าว่ากันว่าประติมากรรมลานน้ำพุด้านหน้าก็เป็นประติมากรรมที่มีต้นแบบมาจากพระราชวังแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส โดยเป็นหินอ่อนแกะสลักรูปเทพอพอลโลกำลังควบม้า เค้าจะเปิดน้ำพุโชว์เป็นบางช่วง จากจุดตรงนี้ตรงไปจนถึงข้างหน้าพิพิธภัณฑ์ เราจะสังเกตเห็นว่า บริเวณโดยรอบจะมีคนมาถ่ายรูปกันเยอะมากๆ ทั้งถ่ายรูปเล่นทั่วๆ ไป ถ่ายรูปรับปริญญา หรือถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง เพราะที่นี่อลังการมากตั้งแต่ทางเข้าข้างหน้าสุดเลย แถมมีพื้นที่โดยรอบกกว้างใหญ่ไพศาล มีมุมให้ถ่ายรูปชิคๆ คูลๆ เยอะมากๆ เลยจากจุดน้ำพุ จะเป็นสะพานที่ทอดตัวยาว ข้ามทะเลสาบ Muse Lake ชื่อว่า Olympus Bridge เพื่อนำเราเข้าสู่ตัวอาคารของพิพิธภัณฑ์ โดยตลอดสองข้างทางเดินที่ Olympus Bridge จะมีรูปหินอ่อนแกะสลักของเทพเจ้ากรีกและโรมัน เรียงเป็นคู่ๆ ตรงราวสะพานประมาณ 6 คู่ และติดชื่อเทพเจ้าองค์ต่างๆ กำกับไว้ สวยและอลังการจริงๆ
เมื่อเดินมาถึงตัวพิพิธภัณฑ์ เราจึงทำการซื้อตั๋วภายในพิพิธภัณฑ์ได้เลย ซึ่งปกติชาวต่างชาติจะต้องจองคิวออนไลน์มาล่วงหน้าก่อน แต่ช่วงที่เราไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2018 ที่ผ่านมานั้น ชาวต่างชาติสามารถที่จะไปซื้อตั๋วที่พิพิธภัณฑ์ได้เลย ไม่ต้องจองออนไลน์มาล่วงหน้า ถ้าใครสนใจหูฟังบรรยาย Audio Guide ก็มีให้เช่านะ ราคา 100 NTD. ตอนนี้มีให้เลือกอยู่ 3 ภาษา คือภาษาจีนแมนดาริน ภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น ใครสนใจอยากฟังคำบรรยายเพิ่มเติมก็เลือกเช่าหูฟังกันได้
พิพิธภัณฑ์ฉีเหม่ย ตัวอาคารสูง 2 ชั้น ออกแบบสไตล์กรีก โรมันเช่นเคย ภายในแบ่งนิทรรศการเป็น 2 แบบ คือ Permanent Exhibition และ Temporary Exhibition ซึ่งช่วงที่เราไปมานั้น นิทรรศการแบบ Temporary Exhibition จะเป็นนิทรรศการหมุนเวียนของศิลปินภาพวาดชาวเนเธอร์แลนด์ ชื่อว่า Henk Helmantel ในหัวข้อที่ชื่อว่า The Beauties of Simplicity จัดระหว่างวันที่ 25 ม.ค. 2018 – 25 ก.พ. 2019 และภายในนิทรรศการนี้ มีกิจกรรมให้ผู้เข้าชมได้เข้าร่วมด้วย ซึ่งก็มีการวาดรูปโดยมีการตั้งไข่เป็ดไว้ที่โต๊ะ โต๊ะละ 1 ฟอง พร้อมกระดาษและดินสอสำหรับวาดรูป และมีการสอนพับกระดาษเป็นรูปปิกาจูด้วยนะ
สำหรับนิทรรศการแบบ Permanent Exhibition จะแบ่งเป็นห้องๆ ตามหมวดหมู่เป็น 5 ห้องหลักๆ ดังนี้
- Arms & Armour
Attack and Defense: The Evolution of Arms and Armour
- Natural History & Fossils
Life’s Grandeur: A Journey of Evolution
- Rodin Gallery
Breaking New Ground for the Future: Rodin and His Circle
- Fine Arts
The Sense of Beauty: The Western Arts from 13th – 20th Century
- Musical Instruments
Early Violins from Various Schools: Great Makers and Their Works The Sound of Music : Making, Playing and Recording
นอกจากนี้ยังมีห้องแสดงประติมากรรมรูปปั้นหินอ่อนแกะสลัก Sculpture Hall จัดแสดงอยู่ตรงพื้นที่ตรงกลาง ระหว่างห้องจัดแสดงต่างๆ ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์จะอนุญาตให้ถ่ายภาพได้แค่บางจุดเท่านั้น ห้องไหนที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ จะมีเจ้าหน้าที่ยืนถือป้ายกำกับอยู่ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรูปภาพบางส่วนทางเว็บไซด์ของพิพิธภัณฑ์ Chimei Museum โดยตรงได้เลย
ในบรรดาห้องจัดแสดงทั้งหมด ห้องที่โดนใจเรามากที่สุด เห็นจะเป็นห้องที่แสดงชุดเกราะโบราณของนักรบ หมวกนักรบ ดาบหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก แบ่งเป็นโซนๆ ประเทศๆ เช่น เอเชีย ยุโรป แอฟริกา ฯลฯ ซึ่งเราเองเคยเห็นแต่ในโทรทัศน์บ้างล่ะ ในภาพยนตร์บ้างล่ะ เพิ่งจะได้เห็นของจริงกับตาตัวเองก็ครั้งนี้นี่แหละ ดูขลัง อลังการและเท่สุดๆ ไปเลย นี่ก็ยังสงสัยอยู่จนถึงตอนนี้ว่า คนสมัยก่อนเค้าใส่ชุดเกราะกันไปได้ยังไงนะ เพราะที่ชุดมีอะไรประดับเต็มตัวไปหมด อย่างหนักอ่ะ ทึ่งมาก และตรงทางเข้าห้องแสดงชุดเกราะ เค้ามีหมวกนักรบ ซึ่งเป็นหมวกเหล็กมาให้ผู้ชมได้ทดลองใส่กันด้วยนะ เราลองใส่ดูแล้วหนักมากเลยจ้า
ที่ Chimei Museum มีห้องจัดแสดงเสียงดนตรีโบราณจากเครื่องเล่นบางประเภทด้วยนะ เค้าเรียกว่า Mechanical Musical Instruments Performance ซึ่งเราสามารถเข้าไปนั่งฟังที่ห้องจัดแสดงได้ โดยซื้อตั๋วราคาคนละ 20 NTD. และแบ่งเป็นรอบจัดแสดง โดยสามารถจุผู้เข้าชมได้รอบละ 120 คน คนพากย์พูดโดยภาษาจีนแมนดาริน แสดงรอบละ 15 นาที ตามเวลาดังนี้ 10:30 น., 11:30 น., 14:30 น., 15:30 น., และ 16:30 น. ตอนเราไปคนเข้าฟังเต็มทุกรอบเลยนะ ถ้ามีเวลาก็ลองไปฟังกันดู ชิลดี และก็มีกิจกรรมที่ชื่อว่า A Walk – in Orchestra Performance Program จัดแสดงเป็นรอบๆ เช่นกัน แบ่งเป็นรอบ 10:00 น., 11:00 น., 12:00 น., 13:00 น., 14:00 น., 15:00 น., 16:00 น. และ 17:00 น. แต่กิจกรรมนี้เราไม่ได้เข้าร่วม ใครสนใจลองไปชมกันได้นะ น่าจะเพลินดีไม่น้อยอ่ะ
นอกจากห้องจัดแสดงกิจกรรมเกี่ยวกับดนตรีแล้วนั้น ยังมีห้อง Natural History & Fossils ที่จัดกิจกรรมการสาธิตการเรียนรู้เกี่ยวกับห้องนี้ด้วยนะ โดยบรรยายเป็นภาษาจีนแมนดาริน แบ่งเป็นสองรอบในหนึ่งวัน คือเวลา 10:30 น. และ 14:30 น. น่าจะเป็นที่สนใจของเด็กๆ ได้ดีเลยล่ะ
เอาเป็นว่า ถ้าใครได้มาเที่ยวเมืองไถหนานละก็ แนะนำว่าไม่ควรพลาด Chimei Museum หรือพิพิธภัณฑ์ฉีเหม่ยแห่งนี้ โดยเฉพาะคนรักงานศิลปะ เพราะที่นี่รวบรวมงานศิลปะ และงานเด็ดๆ กว่าสี่พันชิ้นให้คุณได้สัมผัส ซึ่งเป็นของหายาก มูลค่าสูงมากๆ มาให้ชมกันได้ที่นี่ที่เดียว ใครอินกับงานศิลปะลองมาเดินดูกันนะ เราว่ามันดีมากๆ เลย ตอนแรกเราแพลนมาเดินดูงานศิลปะที่พิพิธภัณฑ์ฉีเหม่ยแห่งนี้ แค่ประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น ไปๆ มาๆ ใช้เวลาไป 5 ชั่วโมง นี่ถ้าไม่ติดว่าพิพิธภัณฑ์จะปิดแล้ว คงได้เดินดูต่อเป็นแน่
พาไปเที่ยว Chimei Museum พิพิธภัณฑ์ชิคๆ คูลๆ ของเมืองไถหนาน ที่ไม่ควรพลาด
เวลา : 9:30 – 17:30 น. (ปิดวันพุธ และวันตรุษจีน)
ราคา : Permanent Exhibition ค่าเข้า 200 NTD. / Temporary Exhibition ค่าเข้า 200 NTD. และถ้าหากสนใจเข้าชมงานศิลปะทั้ง 2 งาน (Dual Exhibitions) นั่นก็คือ Permanent Exhibition + Temporary Exhibition ราคาปกติ 400 NTD. ลดเหลือ 280 NTD.
Website : www.chimeimuseum.org
Facebook : www.facebook.com/chimeimuseum
เรื่องและภาพประกอบ : E’Pa พาเที่ยว