เมื่อพูดถึงการไป “เที่ยวญี่ปุ่น” แล้ว เชื่อว่าเพื่อนหลายๆ คนจะนึกถึงการเดินทางด้วย “รถไฟชินคังเซน” อันโด่งดังแน่นอน และยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจที่จะขาดไปจากการเที่ยวญี่ปุ่นไม่ได้เลย ก็คือการผ่อนคลายด้วยการ “แช่ออนเซน” ผุดขึ้นมาในใจเหมือนกันใช่ไหมคะ แต่เพื่อนๆ ทราบกันไหมคะ ว่าเราสามารถทำทั้งสองอย่างไปพร้อมๆ กันได้ด้วย!
นั่นคือ ขบวนรถไฟออนเซนเคลื่อนที่ Torei-yu Tsubasa บริการล้ำๆ ที่รวม “รถไฟชินคังเซน + บ่อแช่ออนเซน” เข้าไว้ด้วยกัน ให้เราพักผ่อนระหว่างการเดินทางได้ด้วย ตามมาดูขบวนรถไฟ 2 in 1 ขบวนนี้ที่ภูมิภาคโทโฮขุ ประเทศญี่ปุ่นกันเลยค่ะ
รถไฟขบวน Torei-yu Tsubasa : ออนเซนเคลื่อนที่ รถไฟชินคังเซนที่มีสีสันสดใส ตกแต่งด้วยธีมสีเขียว ขาว และฟ้าเด่นสะดุดตานี้ แต่เดิมเคยเป็นรถไฟขบวน Akita Shinkansen (秋田新幹線) เป็นเครื่องยนต์ E3 Series ให้บริการครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997 โดยวิ่งอยู่ในสาย Tohoku Shinkansan ใช้เชื่อมระหว่าง 2 ภูมิภาคคือโทโฮขุและคันโต วิ่งจากต้นสายจากสถานี Akita ไปยังสถานี Tokyo
ปัจจุบันรถไฟขบวน Akita Shinkansen ถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ E6 Series เกือบทั้งหมดไปแล้ว ดังนั้น เครื่องยนต์ E3 Series จึงถูกปลดระวางไปโดยปริยาย ทางบริษัท JR East ซึ่งเป็นต้นสังกัดจึงเกิดไอเดียที่จะนำชินคังเซนปลดระวาง ที่เครื่องยนต์ยังใช้งานได้ดีทุกประการ มารีโนเวตใหม่ให้กลายเป็นขบวนชมวิวธรรมชาติอันสวยงามของภูมิภาคโทโฮขุ วิ่งบริการระหว่างสถานี Fukushima (จังหวัดฟุกุชิมะ) และสถานี Shinjo (จังหวัดยามางะตะ) แทน จึงเกิดเป็น รถไฟขบวน Torei-yu Tsubasa นั่นเองค่ะ
ความไม่ธรรมดาที่อยู่ในขบวนรถไฟคือ อ่างน้ำพุร้อนสำหรับแช่เท้า Ashiyu (foot bath) ซึ่งบุคคลที่ได้สร้างสรรค์เนรมิต รถไฟขบวน Torei-yu Tsubasa คือ คุณ Ken Okuyama นักออกแบบยานยนต์ชื่อก้องโลก ด้วยงบประมาณ 500 ล้านเยน หรือประมาณ 160 ล้านบาท
รถไฟขบวนนี้ปกติจะวิ่งบริการในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดราชการ ดูข้อมูลตารางเวลาเพิ่มเติมได้ที่ www.jreast.co.jp/railway/joyful/toreiyu.html โดยต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้น ผู้ที่ถือตั๋ว JR East Pass (Tohoku area) และ JR Pass สามารถขึ้นขบวนนี้ได้ฟรีค่ะ
ตารางเดินรถ
…………………………………………………………………………………………………………………….
D e s i g n : การออกแบบและตกแต่งภายใน
รูปลักษณ์ภายนอกของ ชินคังเซนขบวน Torei-yu Tsubasa มีลวดลายสวยงาม ประกอบไปด้วยสามสีหลักคือ ส่วนหัวคาดมีสีฟ้าแทนสัญลักษณ์ของแม่น้ำ Mogami ส่วนตรงกลางและท้ายขบวนเป็นลายกราฟฟิกโค้งสีเขียวและขาว ซึ่งจุดสีเขียวสองจุดสื่อถึง 2 ภูเขาที่ยิ่งใหญ่ของดินแดนโทโฮขุ คือ ภูเขา Gassan และภูเขา Zao มีตู้โดยสารทั้งหมด 6 ตู้ โดยแต่ละตู้มีรายละเอียดการตกแต่งดังนี้
ตู้ที่ 1 : (Car 11) ตกแต่งเหมือนด้านในของรถไฟชินคังเซนแบบ Green car ทั่วไป
ตู้ที่ 2, 3, 4 (Car 12, 13, 14) : ตกแต่งคล้ายร้านอาหารหรือคาเฟ่ญี่ป่น บวกกับความเรียบหรู โดยเน้นธีมสีแดง-ดำ-ขาวเป็นหลัก บนเพดานตกแต่งด้วยลายฉลุสีดำ ปูพื้นด้วยพรม โต๊ะนั่งแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง หันหน้าเข้าหากัน ที่นั่งได้ฝั่งละ 2 คน และ 4 คน พนักพิงเป็นสีแดงสด ตรงที่นั่งเป็นไม้ปูด้วยเสื่อทาทามิพร้อมมีเบาะรองนั่ง ตัวโต๊ะเป็นไม้ สามารถพับเก็บได้ทั้ง 2 ด้าน
ตู้ที่ 5 (Car 15) : ตู้ขบวนนี้ถูกเนรมิตให้เป็นเลานจ์ (Lounge) บริเวณโซนนั่งตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นแท้ มีโต๊ะไม้อยู่ตรงกลาง ม้านั่งไม่มีพนักพิง ปูด้วยเสื่อทาทามิ ถัดไปเป็นเคาน์เตอร์ขายเครื่องดื่มจำพวกแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะสาเกที่ขึ้นชื่อของญี่ปุ่น รวมถึงน้ำดื่ม น้ำอัดลม น้ำผลไม้ นอกจากนี้ยังมีขนมขบเคี้ยวและเบเกอรี่ชิ้นเล็กๆ ขายร่วมด้วย (แต่ไม่มี Ekiben หรือข้าวกล่องสำหรับทานบนรถไฟขาย) สำหรับผู้ที่สนใจจะแช่สปาเท้าต้องซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์นี้เท่านั้น
ตู้ที่ 6 (Car 16) : ตู้แห่งสปาเท้า มีความน่าสนใจตั้งแต่ทางเดินที่ตกแต่งระแนงไม้ ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย จากนั้นจะเป็นบ่อแช่สปาเท้า ซึ่งแบ่งเป็น 2 โซนอยู่เยื้องกัน แต่ละโซนแบ่งออกเป็น 3 บ่อ ขนาดของบ่อมีความกว้างพอดีกับ 1 คน ตรงขอบบ่อมีสีแดงสดใสและมีไม้คั่นระหว่างบ่ออย่างเป็นสัดส่วนน้ำแร่ในบ่อมีความอุ่นพอดี และมีระบบไหล
วน บริเวณข้างบ่อของแต่ละโซนจะมีนาฬิกาเรือนใหญ่เพื่อจับเวลาในการแช่ของแต่ละรอบ รอบละ 15 นาที
Note: ห้องน้ำจะอยู่ท้าย Car 13 และ Car 15 รถไฟนี้เป็นขบวนปลอดบุหรี่
……………………………………………………………………………………………………………………….
อ อ น เ ซ น เ ค ลื่อ น ที่
รถไฟชินคังเซนขบวน Torei-yu Tsubasa หรือเรียกเล่นๆ ว่า “ขบวนชินคังเซนแช่เท้า” ใช่ ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ มันคือรถไฟชินคังเซนตกแต่งพิเศษ ที่นอกจากจะดัดแปลงตู้ขบวน ต่างๆ ออกมาอย่างดูดีแล้ว ยังมีตู้พิเศษที่นักท่องเที่ยวสามารถชมวิวไปพร้อมๆ กับแช่ออนเซนเท้าไปด้วย หากไม่อยากพลาดความผ่อนคลายนี้ต้องจองก่อนล่วงหน้าเท่านั้น
(จองล่วงหน้าได้นานเท่าไหร่ยิ่งดี)
เรามาถึงสถานี Fukushima ที่เป็นสถานีต้นทางของขบวนแช่เท้า ซึ่งจะพลาดไม่ได้เลยเนื่องจากจองไว้แล้ว และมีวันละ 1 รอบเท่านั้น เวลาที่ของรถไฟขบวนนี้คือ 10:02 น. ตอนที่มาถึงเป็นเวลาประมาณ 09:30 น. จึงมีเวลาที่จะทำธุระส่วนตัว รวมถึงหาเสบียงตุนไว้ก่อน เพราะรู้มาว่าบนรถไฟไม่มีข้าวกล่องขาย
สถานี Fukushima เป็นสถานีหลักและเป็นชุมทางของรถไฟของ JR ของเมืองมีทั้งรถไฟชินคังเซน รถไฟด่วน และรถไฟโลคอลวิ่งผ่าน ดังนั้นตัวสถานีจึงมีพื้นที่กว้างขวาง และมีร้านค้า ร้านอาหาร และร้านข้าวขายข้าวกล่องอยู่หลายร้าน เราจึงจัดเมนูข้าวหน้าเนื้อมา 1 กล่อง
เมื่อใกล้ถึงเวลาเราแสดงตั๋ว JR Pass แก่เจ้าหน้าที่ พร้อมควักตั๋วจองที่นั่งของขบวน Torei-yu Tsubasa ให้เขาดูและถามทางด้วย เจ้าหน้าที่ชี้บอกให้ไปชานชาลาที่ 5 ซึ่งตอนนี้มีเวลาเหลืออีก 15 นาที จึงไม่ต้องรีบมากนัก
รออยู่ที่ชานชาลาไม่นาน รถไฟก็ค่อยๆ แล่นมาจอดเทียบอย่างสง่างาม เพื่อนร่วมขบวนที่มารอขึ้นด้วยกันต่างส่งเสียงตื่นเต้นดีใจ เราก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย บางคนวิ่งไปต้นขบวนถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอกันครึกครื้น
ยังมีเวลาที่เหลืออีกเกือบสิบนาทีก่อนรถไฟออก ซึ่งเพียงพอที่เราจะเดินไปถ่ายด้านนอกขบวนและหามุมสวยๆ แอบสังเกตว่าชินคังเซนขบวนนี้ดูสวยมาก นอกจากสีสันสดใสแล้ว ยังดูใหม่และสมบูรณ์แบบ (ไม่น่าเชื่อว่าเป็นรถไฟปลด
ระวาง) มีด้วยกันทั้งหมด 6 ตู้ แต่ในตั๋วของเราบอกว่า Car 12 (12 ไหนว้า?) เอาเป็นว่าขึ้นไปก่อนละกัน พอขึ้นไปก็ถึงบางอ้อ เพราะขบวนนี้เขาเริ่มต้น ตู้แรกคือ Car 11 จึงลองเดินเข้าไปดูตู้แรก พบว่าตู้ขบวนนี้ตกแต่งเหมือนที่นั่งชินคังเซนแบบ Green Car ทั่วไป แทบ ไม่มีอะไรพิเศษ
กลับมาที่ตู้ของเรา ถึงกับต้องร้องว้าว!! คือด้านในตกแต่งเหมือนกับภัตตาคารหรือคาเฟ่ โดดเด่นด้วยเพดาน
ลายฉลุสีดำ สิ่งที่สะดุดตาอีกอย่างคือพนักเก้าอี้สีแดงสดตัดกับสีของโต๊ะไม้ ตรงที่นั่งปูด้วยเสื่อทาทามิ โซนที่นั่งแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งสำหรับมากันเป็นครอบครัวสามารถนั่งได้ 4 คน แบบหันหน้าเข้าหากัน อีกฝั่งสำหรับนั่ง 2 คน เหมาะสำหรับมากับคนรู้ใจหรือ เพื่อนสนิท แต่ดูในตั๋วที่เราจอง ดันได้นั่งฝั่งที่มากันเป็นครอบครัว ..และสุดท้ายก็ไม่มีใครมานั่งกับเรา อิอิ
จากการนั่งรถไฟที่ญี่ปุ่นมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้ชมบรรยากาศริมทางของฤดูใบไม้ร่วงพร้อมทั้งทานข้าวกล่องเอกิเบนไปด้วยอีกแล้ว ขบวนนี้แม้ภายนอกจะเป็นชินคังเซนแต่ความเร็วก็ยังไม่เท่าชินคังเซนขบวนอื่นๆ จึงทำให้สามารถมองภาพบรรยากาศ แล้วจดบันทึกไว้ในความทรงจำได้อย่างดี
เมื่อมองไปนอกหน้าต่างเราจะเห็นทั้งความเจริญของชุมชนเมืองที่ยังแฝงไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย ครั้นเมื่อผ่าน
ชานเมือง วิวทิวทัศน์จะเปลี่ยนเป็นทุ่งนาที่เก็บเกี่ยวแล้ว เลยไปอีกหน่อยก็เริ่มมีป่าไม้หุบเขา แม่น้ำ ลำธาร แต่น่าเสียดายตอนที่ไป (กลางเดือนพฤศจิกายน) เป็นช่วงที่ภูมิภาคโทโฮขุพ้นฤดูใบไม้ร่วงไปแล้ว จึงเหลือใบไม้
แดงให้เห็นไม่ถึง 10% แต่นั่นก็ไม่อาจลบเลือนความงามของธรรมชาติไปได้ เพราะยังไงก็ยังสวยงามอยู่ดี
เมื่อละเลียดอาหารเช้าบนรถไฟจนหมดกล่อง ก็ได้เวลาสำรวจตู้ถัดๆ ไปว่าจะมีอะไรให้เราเซอร์ไพรส์อีกมั้ย ปรากฏว่า Car 13, 14 ตกแต่งเหมือนกับ Car 12 ของเราค่ะ จึงเดินเลยไปยัง Car 15 ระหว่างทางยังมีการตกแต่งทางเดินด้วยระแนงไม้ ทำให้ลืมไปชั่วขณะหนึ่งว่าตอนนี้กำลังอยู่บนรถไฟ
Car 15 ถูกดัดแปลงให้เป็นเลานจ์ (Lounge) ที่มีโซนนั่งดัดแปลงให้เหมือนโต๊ะญี่ปุ่น มีด้วยกัน 3 โต๊ะ ที่นั่งปูด้วยเสื่อทาทามิเช่นเคย ถัดไปเป็นเคาน์เตอร์สำหรับสั่งเครื่องดื่มและค็อกเทล รวมไปถึงเบเกอรี่ไม่กี่ชนิด เมื่อสั่งเสร็จก็นำไปนั่งรับประทานที่โต๊ะติดหน้าต่างพร้อมชมวิวไปในตัวได้ด้วย สำหรับเมนูเครื่องดื่มหากใครเป็นคอสาเก รับรองนี่คือสวรรค์เลยหล่ะ เพราะเห็นมีอยู่หลายยี่ห้อ หลายขวด (แม้จะอ่านรายละเอียดข้างขวดไม่ออกก็ตาม ^^)
มาถึง Car 16 ซึ่งเป็นตู้สุดท้าย อันนี้แหละของจริง อันที่จริงได้กลิ่นกำมะถันตั้งแต่อยู่ Car 15 แล้ว เลยตามกลิ่นไปก็เจอเป้าหมายคือที่แช่สปาเท้าหรือออนเซนเท้านั่นเอง บ่อแช่แบ่งออกเป็น 2 โซน อยู่คนละฝั่งเยื้องกัน แบ่งเป็นโซนละ 3 บ่อ ตอนที่ไปถึงยังมีลูกค้าเป็นกลุ่มคุณลุงคุณป้านั่งแช่กันอยู่คุยกันไป ชมวิวไป ชิลล์มากๆ
เราก็เลยไปนั่งรอนึกว่าถ้าคุณลุงคุณป้าขึ้นเสร็จจะถึงคิวเราสักพัก คุณน้องพนักงานก็เดินเข้ามาพร้อมสปีคแจแปนนีสรัวๆ พอจับใจความได้ว่า เราต้องมีตั๋วนะ….แน่นอนเรามีจ้ะ รีบยื่นตั๋วจองที่นั่งให้พร้อมยิ้มอย่างมั่นใจ ปรากฏว่าไม่ใช่จ้า ต้องซื้อตั๋วสำหรับแช่เท้าโดยเฉพาะ เราจึงควักเงินออกมาจะจ่ายค่าตั๋ว แต่คุณน้องรีบปฏิเสธพร้อมแนะนำให้ไปซื้อตรงเคาน์เตอร์ขายเครื่องดื่มนั่นแหละ แถมยังเดินตามไปส่งด้วย พร้อมทั้งซื้อตั๋วให้ในราคา 380 เยน แช่ได้ 15 นาที
ก่อนขายตั๋วพนักงานจะดูเวลาก่อนว่าใกล้จะถึงสถานีปลายทาง Shinjo หรือยัง หากเวลากระชั้นชิดเกินไปเขาจะไม่ขายตั๋วให้ แต่ขบวนนี้จะไปถึงสถานี Shinjo ราว 12:16 น. ซึ่งยังพอมีเวลา โดยคิวที่เราจะได้แช่คือเวลา
11:45 น. (บวกเวลาแช่ไปอีก 15 นาที) ถือว่ากระชั้นอยู่นะ…
ไหนๆ อุตส่าห์มาแล้วก็ต้องไม่พลาดแต่กว่าจะถึงคิวเราได้ลงแช่ ยังเหลืออีกหลายคิว จึงกลับไปนั่งรับลมชมวิวรอยังตู้ที่นั่งของตัวเอง จนกระทั่งใกล้ๆ ถึงเวลาแล้วค่อยเดินไปตอนไปถึงเห็นคุณลุงคุณป้ายังแช่กันอยู่เลยพอเข็มนาฬิกาบนผนังชี้ครบตามเวลา (แต่ละโซน ขึ้นพร้อมกัน ลงพร้อมกัน) พนักงานก็จะแจ้งให้รีบขึ้น พร้อมเอาชุดผ้าขนหนูและถุงพลาสติกสำหรับใส่ถุงเท้า รองเท้ามาให้
เมื่อกลุ่มก่อนหน้าขึ้นจากบ่อแช่ พนักงานจะทำความสะอาดพื้นที่นั่งรวมถึงมีการปล่อยน้ำแร่ใหม่เข้ามา ในขณะเดียวกันลูกค้ากลุ่มใหม่ก็จัดการตัวเองให้เรียบร้อย เราได้นั่งริมสุด หลังจุ่มขาลงบ่อแช่รู้สึกถึงความผ่อนคลาย น้ำแร่ไม่ร้อนไม่เย็นจนเกินไป แถมยังไหลเวียนเป็นจังหวะขึ้นลง เหมือนการนวดเท้าไปในตัว แถมได้ชมบรรยากาศที่สวยงามจากริมหน้าต่าง เป็นอะไรที่ฟินอย่างสุดๆ จนรู้สึกว่าเวลา 15 นาทีมันช่างผ่านไปรวดเร็ว
เมื่อขึ้นมาจากบ่อรู้สึกถึงความเบาเนื้อเบาตัว สงสัยเลือดไหลเวียนดีขึ้น หลังจากจัดแจงตัวเองให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยแล้ว จึงกลับไปยังที่นั่งเดิม ระหว่างที่เดินรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้น ความเมื่อยล้าที่สะสมมาหลายวันหายเป็นปลิดทิ้ง!
อาจจะฟังดูเวอร์ แต่อยากบอกว่ามันดีมากญี่ปุ่นนี่เขาช่างสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรจริงๆ
นั่งฟินต่อไปไม่นาน รถไฟก็พาเรามาถึงสถานีปลายทาง Shinjo จังหวัดยามากาตะในช่วงเวลาเที่ยงกว่าๆ นับเป็นอีกวันดีๆ ที่สร้างความประทับใจไม่มีวันลืมเลยค่ะ ^^
เรื่องและภาพ : Indiana_holmes DPlus Guide Team