วันนี้ Dplus Guide ขอนำเสนองานนิทรรศการที่น่าสนใจส่งตรงมาจากเมืองจีนที่มีชื่อว่า “จิ๋นซีฮ่องเต้” จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีนกับกองทัพทหารดินเผา งานนี้ของแท้ 100% ส่งตรงมาจากหลายพิพิธภัณฑ์ชั้นนำในสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยรวบรวบโบราณวัตถุชิ้นสำคัญมาจัดแสดงจำนวน 86 รายการ (133 ชิ้น) ซึ่งมีอายุกว่า 2,200 ปี ยกมาจัดกันที่พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างวันที่ 15 กันยายน- 15 ธันวาคม 62 จุดประสงค์ของนิทรรศการนี้เพื่อเป็นสื่อกลางในการบอกเล่าประวัติศาสตร์ และความยิ่งใหญ่ขององค์จักรพรรดิจิ๋นซีในการปกครอง รวมไปถึงเรื่องราว และสิ่งมหัศจรรย์ของสุสานที่ทิ้งไว้หลังความตายให้ชนรุ่นหลัง และนานาอารยประเทศได้ศึกษาเรียนรู้จุดเริ่มต้นของอารยธรรมที่นับกว่าเก่าแก่กว่ายุคใดในโลกก็ว่าได้
การเข้าไปชมเราต้องทำการซื้อตั๋วกันก่อน โดยซื้อได้ที่หน้าพิพิธภัณฑ์นั่นเอง เวลาขายตั๋วเริ่มตั้งแต่ 8:30 น. และรอบสุดท้ายที่เวลา 15:30 น. คนไทยซื้อได้ในราคาเพียง 30 บาทเท่านั้น เราก็จะได้ตั๋ว 1 ใบ สตื๊กเกอร์หมายเลขเพื่อแปะหน้าอก และแผ่นพับรายละเอียดเกี่ยวกับนิทรรศการที่เราจะเข้าไปดู ส่วนใครที่นำกระเป๋ามาด้วย เค้าให้ฝากกระเป๋าไว้ก่อน ซึ่งจะมีป้ายหมายเลขมาให้เรารับคืนได้ภายหลัง ส่วนการเข้าชมทางพิพิธภัณฑ์ไม่อนุญาตให้นำกล้องถ่ายรูปเข้าไปถ่ายด้านใน แต่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายได้เท่านั้น และต้องปิดแฟลชด้วย…พร้อมแล้วเข้าไปเลยค่ะ
ภายในบริเวณนิทรรศการจะถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 โซนที่น่าสนใจได้แก่
1.พัฒนาการก่อนการรวมชาติยุคราชวงศ์โจวตะวันออก
สมัยราชวงศ์โจวสมัยชุนชิว(สมัยฤดูใบไม้ร่วง) และสมัยจ้านกว๋อ(สมัยสงครามรัฐศึก) ประเทศจีนโบราณประกอบด้วยแคว้นเล็กแคว้นน้อยที่แบ่งแยกการปกครองเป็นเอกเทศ ยุคนี้มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการหล่อสำริด เช่นการผลิตอาวุธเครื่องดนตรีภาชนะและเงินตรา รวมถึงความก้าวหน้าทางการทหาร ซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมให้แคว้นฉินที่เป็นแคว้นขนาดเล็กในเขตชายแดนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีนโบราณ กลายเป็นจักรวรรดิที่แข็งแกร่งในเวลาต่อมา
2.จิ๋นซีฮ่องเต้จักรพรรดิองค์แรกของจีนผู้ผนวกโลกมนุษย์และสวรรค์
มหาราชองค์แรกในประวัติศาสตร์จีนที่โลกต้องจารึกประมาณ 2,200 กว่าปีมาแล้ว จิ๋นซีฮ่องเต้ประสูติในฐานะเจ้าชายแห่งแคว้นฉิน เมื่อพระชนมายุ 13 พรรษา ได้รับการสถาปนาขึ้นปกครองแคว้นฉินแทนพระราชบิดา และประกอบพิธีราชาภิเษกเมื่อพระชนมายุ 22 พรรษา พระราชกรณียกิจของพระองค์ได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์จีน เช่นการสถาปนาราชวงศ์ฉิน การผนวกแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่น การปฏิรูประบบการปกครองแบบรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง กำหนดมาตรฐานหน่วยชั่งตวงวัด ระบบเงินตราภาษาเขียนและการพัฒนาสาธารณูปโภค เช่นการสร้างถนนหลวงซึ่งมีความยาวกว่า 6,000 กิโลเมตร การขุดคลองเชื่อมแม่น้ำสร้างสะพาน สร้างระบบทำนบกั้นน้ำเพื่อขยายพื้นที่การเกษตร ทรงริเริ่มให้มีการก่อสร้างและเชื่อมต่อแนวกำแพงดินอัดของแคว้นต่างๆ เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึกศัตรูจนกลายเป็นกำแพงเมืองจีน นับเป็นคุณูปการต่อประเทศจีน ทำให้สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นแหล่งอารยธรรมอันน่าอัศจรรย์ของโลก
3.สุสานจักรพรรดิจิ๋นซีมหาอาณาจักรใต้พิภพ
นิทรรศการส่วนนี้จัดแสดงโบราณวัตถุสำคัญจากสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี เช่นหุ่นทหารและม้าดินเผา เสื้อเกราะอาวุธสำริดและรถม้าสำริด จิ๋นซีฮ่องเต้เฝ้าค้นหาความเป็นอมตะเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะตลอดชีวิต ทรงดำริให้มีการสร้างสุสานเมื่อพระชนมายุ 13 พรรษาเรื่องราวของจิ๋นซีฮ่องเต้ได้รับการบันทึกไว้โดยอาลักษณ์สมัยราชวงศ์ฮั่นซือหม่าเฉียน พรรณารายละเอียดอันน่าทึ่งของมหาสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี ปริศนานี้ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พุทธศักราช 2517 หลังจากชาวนาคนหนึ่งได้ขุดค้นพบทางโบราณคดีครั้งสำคัญแห่งศตวรรษที่ 20 องค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก จึงประกาศให้สุสานจักรพรรดิจิ๋นซีเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อพุทธศักราช 2530 ความมหัศจรรย์ของสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีคือการใช้แรงงานคนจำนวนมหาศาลเพื่อดำเนินการก่อสร้างสุสานในระยะเวลาเกือบ 40 ปี มหาอาณาจักรแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่ 60 ตารางกิโลเมตรโดยเป็นการจำลองนครเสียนหยางเมืองหลวงแห่งสุดท้ายในสมัยราชวงศ์ฉินไว้ในสุสาน รัฐบาลจีนได้ดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีแล้วกว่า 900 หลุมพบทหารดินเผาและรถม้ากว่า 8,000 ตัว พบสุสานบริวารของเจ้าชายเจ้าหญิง นางสนม ข้าราชการ คนงานสร้างสุสานคอกสัตว์ และรถม้าสำริด
4.สืบสานความรุ่งโรจน์ยุคราชวงศ์ฮั่น
มรดกทางวัฒนธรรมจากจักรพรรดิจิ๋นซีและราชวงศ์ฉิน ส่งต่อสู่ราชวงศ์ฮั่นส่วนสุดท้ายของนิทรรศการจัดแสดงโบราณวัตถุจากสุสานในสมัยราชวงศ์ฮั่น และโบราณวัตถุที่บอกเล่าเรื่องราวประเพณีวิถีชีวิตความรุ่งเรืองทางด้านวัฒนธรรม การเมืองการปกครอง สังคม เกษตรกรรม และเทคโนโลยีทางการทหาร ตลอดจนการค้าและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างชาวจีนโบราณกับชาวต่างชาติบนเส้นทางสายไหม สะท้อนให้เห็นถึงความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ นับเป็นยุคทองของงานศิลปกรรมและอารยธรรมจีนอย่างแท้จริง
ใครที่ชื่นชอบการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์ของโลกไม่ควรพลาดเด็ดขาดรีบๆมาชมกันนะคะเพราะนิทรรศการนี้เป็นนิทรรศการพิเศษจะจัดแสดงเพียง 3 เดือนเท่านั้นค่ะ
ค่าธรรมเนียมเข้าชม: คนไทย 30 บาทคนต่างชาติ 200 บาท
เวลาเข้าชม: 09:00-18:00 น. ขายตั๋วถึงเวลา 17:00 น. (ปิดวันจันทร์อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: โทร 02-224-1333, 02-224-1402
เรื่องและภาพโดย : @ipookpui